หนึ่งในสถานที่ผ่อนคลายร่างกาย ผ่อนคลายใจที่ผู้คนนึกถึง น่าจะต้องมีคำว่า “สวนสาธารณะ” รวมอยู่เป็นชื่อที่โดดเด่นในใจของผู้คน ยิ่งการอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ด้วยแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงอยากได้สวนสาธารณะที่ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งดี
เมื่อไม่นานมานี้ มีการวิจัยครั้งใหม่และดูเหมือนจะเป็นครั้งสำคัญไม่น้อย ซึ่งเป็นการวัดผลความสุขจากสวนสาธารณะในเมืองใหญ่ 25 เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่มหานครนิวยอร์ก ในรัฐนิวยอร์ก ไปจนถึงนครลอสแอนเจลิส ในแคลิฟอร์เนีย เรียกว่าวิจัยกันเป็นเรื่องเป็นราวของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ ในสหรัฐฯ โดยใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากโลกสังคมออนไลน์หรือโซเชียล มีเดียนั่นแล เพื่อหาปริมาณของอารมณ์และผลประโยชน์ความสุขที่ผู้คนได้รับจากธรรมชาติในเมืองใหญ่ และเผยแพร่งานวิจัยดังกล่าวลงในวารสารพลอส วัน (PLOS One)
ทีมนักวิทยาศาสตร์เผยว่าได้ใช้การโพสต์ในทวิตเตอร์ และข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เพื่อสร้างวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการหาปริมาณผลประโยชน์ความสุขที่ผู้คนได้รับจากธรรมชาติ โดยขยายจุดสนใจไปยัง 25 เมืองใหญ่ที่สุดในอเมริกาตามจำนวนประชากร จากนั้นก็วิเคราะห์โพสต์จากทวิตเตอร์จำนวน 1.5 ล้านโพสต์เพื่อวัดความแตกต่างของความรู้สึกของผู้คนในโลกออนไลน์
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสวนสาธารณะในเมืองมีประโยชน์อย่างมากในทุกฤดูกาล ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ และทุกวัน ไม่ใช่แค่วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดฤดูร้อน ผลการวิจัยใหม่เหล่านี้ตอกย้ำว่าธรรมชาติมีความสำคัญต่อสุขภาพจิตและร่างกายของเรา ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์มองว่าผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมนุษย์หันมาพึ่งพาพื้นที่ธรรมชาติในเมืองมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19
...
นอกจากนี้ ยังพบว่าเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกามีความแตกต่างกันมากในด้านขนาดของผลประโยชน์ทางความสุข ซึ่งที่ชวนประหลาดใจก็คือเมืองชั้นนำหลายแห่ง เช่น อินเดียนาโพลิส ออสติน แจ็กสันวิลล์ ผู้คนเขียนทวีตว่ามีความสุขมากขึ้นในสวนสาธารณะ เช่น สวย สนุกสนาน น่าทึ่ง และพบว่าผู้คนเขียนคำเชิงลบน้อยลงอย่างมากบนทวิตเตอร์เกี่ยวกับสวนสาธารณะ เช่น เกลียด หรือคำว่า ไม่
จากการศึกษานี้ นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าธรรมชาติในเมืองควรได้รับการปกป้อง และควรขยายออกไป รวมทั้งทำให้เข้าถึงได้มากที่สุด ซึ่งสวนสาธารณะในเมืองถือเป็นแหล่งธรรมชาติหลักของผู้คนที่อาศัยอยู่นับล้าน.
ภัค เศารยะ