“เงินทอง” ก็เหมือน “ความรัก” ยิ่งไล่ตามเท่าไหร่ยิ่งหนีห่างไกลออกไปเท่านั้น คนส่วนใหญ่คิดว่าการตั้งใจเรียน และทุ่มเททำงานหนัก จะทำให้ประสบความสำเร็จร่ำรวยสักวัน แต่จริงๆแล้วการที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาหาเงิน ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานเพื่อให้ได้เงิน กลับเป็นว่ายิ่งทำงานหนักยิ่งถลำลึก ติดกับดักเวลา จนสุดท้ายผละจากงานไม่ได้แม้แต่วันเดียว กลายเป็น “พวกเถรตรง+ถังแตก” คือซื่อสัตย์ ขยัน อดทน มีความรู้เยอะ แต่ประยุกต์ใช้ไม่เป็น และไม่กล้าลงมือทำอะไรนอกกรอบ เพราะในหัวเต็มไปด้วยข้อจำกัด กลัวผิดพลาด กลัวล้มเหลว กลัวการเปลี่ยนแปลง จึงไม่เคยมีชีวิตมั่งคั่งและมีความสุขอย่างแท้จริง
ตรงกันข้ามกับ “เด็กไม่เอาถ่าน” พวกเขามักจะกล้าคิดนอกกรอบ เพราะไม่แคร์ความคาดหวังของสังคม คติสำคัญคือทำงานให้ได้เงินไปซื้อเวลา เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่ามากกว่าเงินทอง เราสามารถหาเงินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เวลาเมื่อเสียไปแล้วจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ เราควรทำงานเพื่อให้มีเวลาได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่เราต้องการทำจริงๆ รู้จักให้และรู้จักรับ ไม่ใช่ทุ่มเททำงานหนักทั้งชีวิตเพื่อวิ่งไล่หาความสำเร็จ แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่พนักงานกินเงินเดือนที่ไร้ความสุข
“โรเบิร์ต เชมิน” เขียนเคล็ดลับ “รวยได้ไม่ต้องเอาถ่าน” เพื่อช่วยให้คนไม่เอาถ่านพลิกกลับมารวยล้ำหน้าคนฉลาดและทำงานหนักแบบไร้จุดหมาย เขาจั่วหัวว่า ถ้าคุณทำสิ่งต่างๆอย่างถูกต้องมาตลอดทั้งชีวิต เช่น เป็นคนดี ซื่อสัตย์ ขยัน อดออม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่รวยไม่ประสบความสำเร็จเสียที ขอแนะนำให้อ่านหนังสือ “How come THAT idiot’s rich and I’m not?” โดยเร็วที่สุด เพราะคุณเสียเวลาเปล่าประโยชน์มาแล้วครึ่งชีวิตกับการเรียนหนักให้ได้เกรดดีๆ, ทุ่มเททำงานหนักให้ได้เลื่อนขั้น, ทำตามกฎระเบียบเคร่งครัด และรัดเข็มขัดเพื่ออดออมเงินทองสำหรับอนาคต
...
ในฐานะเด็กไม่เอาถ่านที่ประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นนักธุรกิจหลายร้อยล้าน เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 400 แห่ง และนักพูดนักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจระดับโลก “โรเบิร์ต” บอกเล่าว่า การเปลี่ยนตัวเองจาก “คนเถรตรง+ถังแตก” ไปเป็น “คนไม่เอาถ่านผู้มั่งคั่ง” ไม่ใช่การเรียนรู้อะไรใหม่ๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องของการล้มล้างทุกหลักการที่กักกั้นเราให้อยู่ในวงจรชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ และพอใจกับการอยู่ในคอมฟอร์ตโซนเดิมๆ เป็นพนักงานดีเด่นที่จงรักภักดีกับนายจ้าง แม้เงินเดือนจะถูกฟรีซมาหลายปี ใครที่รู้สึกผิดเวลาไม่ได้ทำงานหนัก ต้องคอยเสนอหน้าเช็กชื่อกับเจ้านายเพราะกลัวโดนเลื่อยขา และเชื่อว่าตัวเองไม่สมควรได้รับเงินเดือนถ้าไม่ได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ คุณเข้าข่ายเป็นพวก ถตถต. “เถรตรง+ถังแตก” เต็มขั้นแล้วล่ะ
ทางเดียวที่จะเปลี่ยนชีวิตได้ ต้องพลิกความคิดให้กลับตาลปัตร พลิกทุกหลักการที่คิดว่าตัวเองรู้เกี่ยวกับความร่ำรวยให้กลับตาลปัตร “โรเบิร์ต” แนะนำให้เขียนบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับความรู้สึก อารมณ์ และทัศนคติที่มีต่อเรื่องเงิน จดสิ่งที่ทำให้กลัวเกี่ยวกับการหาเงิน และคิดว่าอะไรคืออุปสรรคที่ปิดกั้นไม่ให้กลายเป็นคนที่มีฐานะมั่งคั่ง แล้วเขียนสิ่งที่ปรารถนาจริงๆ จะรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องเงิน และเขียนทุกความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินที่คิดว่าต้องพลิกให้กลับหัวกลับหาง เพื่อให้ความมั่งคั่งไหลมาเทมา อีกตอนที่สนุกคือให้จินตนาการว่าถ้ามีเงินไม่จำกัดคุณอยากจะได้อยากจะทำอะไร เป็นรายการความมั่งคั่งเพื่อชีวิต ให้อ่านทวนเช้าเย็น เมื่อความปรารถนาข้อใดเป็นจริงก็ขีดฆ่าออก และเพิ่มเติมรายการความฝันใหม่เข้าไป
“อยากรวยในวันพรุ่งนี้ จงอยู่อย่างคนรวยเสียตั้งแต่วันนี้” คนส่วนใหญ่ถูกสอนว่า เรียนจบให้หางานทำ และทำงานงกๆจนกระทั่งเกษียณ จากนั้นค่อยใช้เงินออมหาความสุขในบั้นปลายชีวิต ซึ่ง “โรเบิร์ต” มองว่าไร้เหตุผล เราควรอยากใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจะได้มีเป้าหมายในการใช้เงินให้ทำงาน การมีชีวิตที่ดีเสียตั้งแต่ตอนนี้หมายถึงการสนุกกับทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงๆ เช่น ครอบครัวในฝัน, บ้านในฝัน, รถในฝัน, การท่องเที่ยวในฝัน, แบรนด์เนมในฝัน, ปาร์ตี้ในฝัน และไม่เสียเวลาอดออมสำหรับอนาคตที่อาจมาไม่ถึง
“สุงสิงกับคนไม่เอาถ่านผู้มั่งคั่ง แล้วคุณจะร่ำรวย แต่ถ้าสุงสิงกับพวก ถตถต. คุณก็จะเป็นพวก ถตถต.ไปตลอดชีวิต” อย่าไปอยู่ใกล้พวกชอบทำลายความฝันคนอื่น เมื่อใครก็ตามพยายามจะทำอะไรที่แตกต่างจากเดิม เช่น ลุกขึ้นมาศึกษาลงทุนหุ้น หรือเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ก็จะมีคนบางพวกที่ชอบฉุดรั้งความเจริญคนอื่นด้วยความคิดแง่ลบ ซึ่งเลวร้ายพอๆกับเพื่อนสายชิลที่ชอบดึงๆกันไว้ไม่อยากให้เพื่อนเครียด พวกนี้เที่ยวเล่นด้วยแล้วสบายใจ แต่ไม่เคยส่งเสริมให้แสวงหาความก้าวหน้าในชีวิต...ออกจากกระดองเต่าซะ ถึงเวลาแล้วที่จะสลัดตัวเองให้หลุดพ้นวงจรอุบาทว์ของความยากจนถังแตก!!
มิสแซฟไฟร์