ขณะที่จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซียถูกจับตาดูท่าทีและเผชิญแรงกดดันต่อกรณีที่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามบุกยูเครน จนทั่วโลกออกมาต่อต้าน ออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง และลงมติประณามการรุกรานของรัสเซีย นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ต่อประเด็นดังกล่าวโดยเรียกรัสเซียว่าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด

ในการแถลงข่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติหรือเอ็นพีซี นายหวัง ระบุว่าไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเต็มไปด้วยปัญหาท้าทายเพียงใด จีนและรัสเซียจะยังคงส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุม และย้ำว่ามิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศนั้นแข็งแกร่ง ไม่อาจถูกทำลายได้ ความสัมพันธ์ที่ดีของจีน-รัสเซียนั้นไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้ง 2 ชาติ แต่ยังช่วยให้โลกมีสันติภาพ เสถียรภาพ และพัฒนาอีกด้วย

รมว.ต่างประเทศของจีนยังกล่าวว่า สาเหตุของสถานการณ์ในยูเครนนั้นมีความซับซ้อนและไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน และได้ย้ำว่าจีนพร้อมที่จะมีส่วนร่วมกับประชาคมโลกต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจาเพื่อสันติภาพ รวมทั้งดำเนินการไกล่เกลี่ยที่จำเป็น โดยไม่ได้ชี้แจงว่าจีนจะเป็นสื่อกลางในการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครนหรือไม่ ขณะเดียวกันยังประกาศว่าสภากาชาดจีนเตรียมส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครนโดยเร็วที่สุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จีนประกาศให้ความช่วยเหลือ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. มีการออกแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมระหว่างนายสี จิ้น ผิง ผู้นำจีน และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในกรุงปักกิ่ง ยืนยันการสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อปกป้องผลประโยชน์หลักของทั้ง 2 ชาติ รัสเซียรับรองมุมมองของจีนต่อไต้หวันว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน และต่อต้านความเป็นเอกราชของไต้หวัน ในขณะที่จีนสนับสนุนรัสเซียในการต่อต้านการขยายกิจกรรมทางทหารในยุโรปตะวันออกของนาโตต่อไป ตั้งแต่นั้นมาจีนปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงการรุกรานของรัสเซีย

...

นอกจากยูเครนแล้ว หวังยังกล่าวถึงประเด็นที่มีการเชื่อมโยงการโจมตียูเครนของรัสเซียว่าอาจเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับไต้หวัน โดยยืนยันว่าสถานการณ์ของไต้หวันและยูเครนนั้นแตกต่างกันและเปรียบเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาโดยตลอด จึงถือเป็นเรื่องภายในประเทศทั้งหมด อนาคตของไต้หวันขึ้นอยู่กับการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับจีน แต่ในที่สุดแล้วไต้หวันย่อมหวนคืนสู่มาตุภูมิ.