141 ชาติยูเอ็นลงมติประณาม รัสเซีย ไทยร่วมยกมือรับรองอำนาจอธิปไตย ยูเครน บี้ถอนทหารยุติสงคราม ย้ำจุดยืนไม่เอาสงคราม ทูตหมีขาวโวยตะวันตกบีบนานาชาติเติมเชื้อไฟ ผู้นำยูเครนตกลงเปิดเจรจาหย่าศึกรอบ 2 แบบไร้ความหวัง เชื่อ “ปูติน” เตรียมดันอดีต ปธน.ยูเครนเด็กในคาถาตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด ด้านแนวรบรัสเซียยังยิงถล่มกรุงเคียฟไม่ยั้ง ใช้ระเบิดใหม่น่าสะพรึงแสงวาบเต็มท้องฟ้าแรงอัดมหาศาล จ่อยึดภาคใต้อีกเมือง โต้ทหารตายไปแค่ 500 นาย ขณะที่ยูเครนยัน “คาร์คีฟ” ไม่มีแตก วอนประชาชนอย่าอัดคลิปแพร่โซเชียลชี้เป้าให้ข้าศึก คนไทยบินกลับถึงบ้านอีก 40 ราย พ้นพื้นที่สงครามอีก 59 คน อีก 8 ชีวิตยังติดในสมรภูมิ กต.ยืนยันยังปลอดภัยทุกคน

สงครามในยูเครน ภูมิภาคยุโรปตะวันออก ยังไม่มีท่าทีจะหยุดยั้งง่ายๆ กองทัพรัสเซียกำลังปฏิบัติการถล่มยูเครน “เฟส 2” เต็มพิกัด ขณะที่ประชุมฉุกเฉินสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ 141 ประเทศ ลงมติประณามการรุกรานอธิปไตยยูเครนของรัสเซีย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในการประชุมฉุกเฉินสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาครั้งที่ 11 เป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 77 ปี ของสหประชาชาติ เมื่อประเทศสมาชิก 141 ประเทศ จาก 193 ประเทศ ลงมติประณามรัสเซียอย่างเป็นทางการต่อกรณีส่งกองทัพรุกรานยูเครน นอกเหนือจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตกที่ลงมติรับรองแล้ว ยังมีชาติในอาเซียน ประกอบด้วย ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และบรูไนร่วมลงมติเห็นด้วย ขณะที่ สปป.ลาว เวียดนาม งดออกเสียง รวมถึงบังกลาเทศ ศรีลังกา จีน คิวบา อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน อิรัก แอฟริกาใต้ งดออกเสียงเช่นกัน ส่วนประเทศลงมติคัดค้าน 5 ประเทศ คือรัสเซีย เบลารุส เอริเทรีย เกาหลีเหนือ และซีเรีย

...

นายวาสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า ชาติตะวันตกได้บีบชาติสมาชิกให้ลงมติสนับสนุน มติครั้งนี้อาจเป็นเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น ด้านนายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า การลงมติไม่ได้ผ่านการหารือกับชาติสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด เมินเฉยต่อประวัติศาสตร์ และความซับซ้อนของวิกฤติการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการหาข้อยุติความขัดแย้งผ่านการทูต และการเจรจาการเมือง อันถือเป็นจุดยืนของจีนมาโดยตลอด ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีนยืนยันจะไม่ร่วมคว่ำบาตรทางการเงินรัสเซีย ยังคงดำเนินธุรกรรมกับรัสเซียตามปกติ และการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อจีน

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างการเปิดเผยของที่ปรึกษานายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ว่า รัฐบาลยูเครนตกลงที่จะเข้าเจรจากับผู้รุกรานรอบ 2 แต่ไม่ขอเปิดเผยสถานที่เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย สื่อรัฐบาลรัสเซียอาร์ไอเอและทาสส์ยืนยันว่า การเจรจาจะมีขึ้นบริเวณพรมแดนเบลารุส-โปแลนด์ ตัวแทนรัสเซียหวังว่าจะมีความคืบหน้า แต่จากสถานการณ์ตอนนี้จึงยังไม่คาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุต่อมาด้วยว่า ตัวแทนทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปถึงที่เจรจาแล้ว แต่ไม่ชัดเจนว่าจะได้ข้อสรุปหรือไม่ เนื่องจากการประชุมรอบแรก 5 ชั่วโมงจบลงอย่างไร้ผล หลังยูเครนยื่นเงื่อนไขหยุดยิงและถอนทหาร รัสเซียยื่นเงื่อนไขให้ยูเครนลดกำลังและอิทธิพลทหาร

ด้านสื่อท้องถิ่นยูเครน อูคราอินสกา ปราบดา ยังรายงานอ้างข้อมูลข่าวกรองของรัฐบาลยูเครนด้วยว่า รัฐบาลรัสเซียมีแผนการที่จะจัดตั้งรัฐบาลยูเครนชุดใหม่ ด้วยการนำนายวิกเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครน ที่ถูกชุมนุมประท้วงใหญ่โค่นลงจากอำนาจ จนต้องหลบหนีไปอยู่รัสเซีย

เมื่อปี 2557 ขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลหน่วยข่าวกรองยูเครนเชื่อว่า ในขณะนี้นายยานูโควิชได้ถูกพาตัวมายังกรุงมินสก์ของเบลารุสแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะประกาศให้นายยานูโควิช เป็นผู้นำของยูเครนในเบลารุส หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้นายยานูโควิชเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องต่อประชาชนชาวยูเครน ส่วนนักวิเคราะห์ตะวันตกมองว่า หากไม่ใช่นายยานูโควิช ก็อาจเป็นนายวิกเตอร์ เมดเวดชุก นายทุนทรงอิทธิพลของยูเครน ทั้งยังเป็นพ่อทูนหัวของลูกสาวนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อย่างไรก็ตาม นายมิคาอิลโล โปโดเลียก หนึ่งในที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน มองว่าทั้งสองคนมีชื่อเสียงในแง่ลบ และนายยานูโควิชไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เพราะถือเป็นศพทางการเมืองไปแล้ว

สำหรับบรรยากาศการสู้รบที่ลุล่วงมาเป็นวันที่ 8 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนว่า ทั้งผู้สื่อข่าวและผู้คนทั่วไปต่างตกอยู่สภาพหวาดระแวงตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลา เนื่องด้วยข่าวกองทัพรัสเซียเคลื่อนพลขนาดใหญ่มาจ่อกรุงเคียฟ และต่างมีสภาพอ่อนเพลียอดนอน ทุกช่วงค่ำคืนจะเต็มไปด้วยเสียงไซเรนเตือนภัย เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง โดยกองทัพรัสเซียได้ยกระดับการโจมตีขึ้นอีก ผู้สื่อข่าวได้พบเห็นการระเบิดในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นระเบิดลูกใหญ่แสงสว่างวาบจนท้องฟ้าที่มืดมิดสว่างขึ้นมาชั่วขณะ ตามด้วยเสียงและคลื่นอัดกระแทก จนกล้องวิดีโอสะเทือน แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบเกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด

...

ขณะที่ข้อมูลข่าวกรองกระทรวงกลาโหมอังกฤษและสหรัฐฯ รายงานว่า กองทัพรัสเซียที่รุกเข้ามาจากภาคเหนือของยูเครนยังอยู่ห่างจากกรุงเคียฟประมาณ 30 กิโลเมตร หากดูจากภาพรวม แสดงให้เห็นว่า ทัพรัสเซียทางตอนเหนือภายใต้การบัญชาการของกองพลน้อยที่ 36 ได้เริ่มเบนเข็มไปทางทิศตะวันตกของกรุงเคียฟ มุ่งหน้าสู่เมืองมาคาริฟ ที่อยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกราว 64 กิโลเมตร และขณะเดียวกัน ทัพจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หน่วยยานเกราะที่ 74 ภายใต้กองพลรถถังที่ 1 ยังฝ่าทะลวงแนวรบ เข้ามายังกรุงเคียฟจากภาคตะวันออกด้วยเช่นกัน และมีรายงานว่า ทัพดังกล่าวนี้เคลื่อนพลถึงเมืองโคเซเล็ท ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 73 กิโลเมตร และเมืองเปเรโมฮา ที่ห่างไปทางตะวันออกราว 61 กิโลเมตร

ด้านแนวรบทางภาคใต้ของยูเครน ที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า เมืองท่าเคียร์ซอน ทางออกทะเลดำของยูเครน ตกไปเป็นของรัสเซียแล้วนั้น นายกเทศมนตรีเมืองเคียร์ซอน ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า หน่วยงานราชการตกอยู่ภายใต้ความดูแลของกองทัพรัสเซียเป็นที่เรียบร้อย หลังทหารรัสเซียบุกเข้ายึดสภาท้องถิ่น พร้อมประกาศมาตรการเคอร์ฟิวภายในตัวเมือง ซึ่งสภาท้องถิ่นได้ยอมรับเงื่อนไขของรัสเซีย ห้ามประชาชนออกจากบ้านหลัง 20.00 น. ห้ามรวมตัวในที่สาธารณะมากกว่า 2 คน ยอมให้รถขนสิ่งบรรเทาทุกข์เข้าเมืองได้แต่ต้องขับด้วยความเร็วต่ำที่สุด ขณะที่เมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญติดทะเลอาซอฟ เส้นทางหลักเชื่อมคาบสมุทรไครเมียของรัสเซียกับจังหวัดโดเนตสก์ทางภาคตะวันออก มีรายงานว่า เมืองได้ถูกล้อมกรอบโดยสมบูรณ์แล้ว กองทัพรัสเซียกำลังระดมยิงอย่างหนักด้วยจรวดและปืนใหญ่ แต่กองทัพยูเครนยืนยันว่า มาริอูโปลยังไม่แตกพ่าย

...

กองทัพยูเครนยังประกาศขอความร่วมมือ ให้ประชาชนอย่าอัดคลิปจุดตกของปืนใหญ่หรือจรวด เนื่องจากพบหลักฐานว่า หน่วยปืนใหญ่ของรัสเซียใช้คลิปวิดีโอต่างๆเป็นเครื่องมือ เพื่อปรับแก้ความแม่นยำของการยิง หลังมีทหารยูเครนโพสต์รูปจุดรวมพลในโซเชียลมีเดีย จนทำให้รัสเซียรู้เป้าหมาย ยิงโจมตีด้วยจรวดนำวิถี จนมีทหารเสียชีวิตมากกว่า 14 นาย นอกจากนี้ เมืองคาร์คีฟเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่กองทัพรัสเซียส่งหน่วยพลร่มบุก กองทัพยูเครนยืนยันว่า ยังรักษาฐานที่มั่นไว้ได้ โรงพยาบาลทหาร และศูนย์ราชการบางแห่งถูกยึดก็ไม่เป็นความจริง

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยังประกาศยอมรับเป็นครั้งแรกถึงความสูญเสียระบุว่า มีทหารรัสเซีย เสียชีวิตแล้วประมาณ 498 นาย บาดเจ็บเกือบ 1,600 นาย จากการประเมินเชื่อว่า ทหารยูเครนและกองกำลังขวาจัดในยูเครน เสียชีวิตแล้ว 2,870 นาย บาดเจ็บมากกว่า 3,700 นาย ทั้งยังถูกจับเป็นเชลยกว่า 572 นาย

สำนักข่าวบีบีซีอังกฤษรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกันนี้ กระทรวงศึกษาธิการของรัสเซียได้จัดอบรมแก่เด็กนักเรียนทั่วประเทศ สอนให้รับรู้ว่าทำไมภารกิจปลดปล่อยยูเครนถึงมีความจำเป็น ทำไมรัสเซียถึงยืนหยัดที่จะปกป้องพลเรือนในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และลูฮานสก์ ทั้งชี้ให้เห็นว่านาโตมีภัยต่อประเทศเช่นไร ระบุว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่เด็กจะได้รับรู้แยกแยะข้อเท็จจริงว่า อะไรจริงอะไรโกหก ในยุคที่ข้อมูล ภาพ วิดีโอ ล้นหลามเต็มอินเตอร์เน็ต ขณะที่นายเซอร์เกลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ออกแถลงการณ์ว่า หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 จะมีอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปด้วยการทำลายล้าง รัสเซียจะตกอยู่ในอันตรายหากยูเครนมีนิวเคลียร์ พร้อมเปรียบว่า ในอดีต อดอล์ฟ ฮิตเตอร์ ผู้นำนาซีเยอรมนี เคยหวังจะครองยุโรป แต่ปัจจุบันนี้คืออเมริกา และสถานการณ์โลกทุกวันนี้ ชาวโลกไม่ควรยึดตามภาพยนตร์ฮอลลีวูด ที่ในบทจะต้องมีตัวร้ายที่ชั่วช้าสุดๆ

...

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงการแสดงท่าทีของประเทศไทยว่า นายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรของไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถ้อยแถลงท่าทีของไทยต่อที่ประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญครั้งที่ 76 เมื่อวันที่ 23 ก.พ.และที่ประชุมยูเอ็นจีเอสมัยพิเศษครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 1 มี.ค. โดยไทยห่วงกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน และผลกระทบที่เกิดขึ้น สนับสนุนความพยายามของยูเอ็น และกลไกในระดับภูมิภาคในการหาทางยุติสถานการณ์อย่างสันติผ่านการเจรจาที่เป็นไปตามกฎบัตรของยูเอ็น และกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยลงมติยืนยันถึงอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนภายในพรมแดนยูเครน เรียกร้องให้รัสเซียหยุดใช้กำลัง และถอนกองกำลังออกจากยูเครนโดยทันทีร่วมกับยูเอ็นจีเอด้วย

ช่วงเที่ยง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายจาตุรนต์ ไชยะคำ รองอธิบดีกรมการกงสุล พร้อมคณะให้การต้อนรับคนไทยชุดที่ 3 จำนวน 40 คน ที่เดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK384 จากกรุงวอร์ซอถึงเวลา 12.05 น. ก่อนขึ้นรถบัส 2 คัน ไปตรวจโควิด-19 ที่สถาบันบำราศนราดูร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีคนไทยที่อพยพกลับ 3 ชุด รวมแล้ว 136 คน

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราช ทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ แจ้งความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในประเทศยูเครนว่า วันที่ 2 มี.ค.มีคนไทยอีก 43 คน เดินทางจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครน เมืองลวิฟ ได้เข้าพักในโรงแรมในกรุงวอร์ซอ เตรียมเดินทางกลับถึงไทยในวันที่ 4 มี.ค. ส่วนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ได้ช่วยเหลือพาคนไทย 16 คน เข้าพักในโรงแรมที่กรุงบูคาเรสต์ เตรียมเดินทางกลับถึงไทยวันที่ 4 มี.ค.เช่นกัน ขณะนี้จำนวนคนไทยในยูเครนทั้งหมด 256 คน อพยพออกมาแล้ว 203 คน โดยมีคนไทยอีก 14 คน ที่เข้าพักในศูนย์ปฏิบัติการฯหรือกำลังเดินทางมาที่ศูนย์ดังกล่าวเพื่อไปยังโปแลนด์ในวันที่ 4 มี.ค.และเดินทางกลับไทยต่อไป ขณะที่คนไทยในเมืองต่างๆ เช่น กรุงเคียฟ เมืองโอเดสซา เมืองคาร์คีฟ เดินทางออกมาได้หมดแล้ว ยกเว้น 31 คน ที่มีความประสงค์จะอยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม ยังมี 1 คนในเมืองเซเบโรโดเนส และ 7 คน ในเมืองมิกโคลาอีฟ รวม 8 คน ที่ไม่สามารถเดินทางออกมาได้เพราะสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัย ซึ่งสถานทูตเตรียมพร้อมช่วยเหลือทันทีเมื่อสถานการณ์อำนวย ทั้งนี้ ยังปลอดภัยทุกคน