ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากเมื่อวันอังคาร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากความกังวลเรื่องอุปทานไม่เพียงพอ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 2 มี.ค. 2565 ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 596.40 จุด หรือราว 1.79 % ปิดที่ 33,891.35 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวกเพิ่ม 80.28 จุด หรือราว 1.86% ปิดที่ 4,386.54 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 219.56 จุด หรือราว 1.62% ปิดที่ 13,752.02 จุด
สถานการณ์ความตึกเครียดในยูเครนทำให้ในวันพุธ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ เวสต์ เทกซัส อินเทอร์มีเดียต พุ่งสูงขึ้นไปแตะ 112 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ก่อนจะลดลงมาปิดที่ 110.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัส ยืนยันเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันในเดือนเมษายนเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวันตามเดิม ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดตอนนี้
นอกจากนั้นนักลงทุนยังคงจับตาดูผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรมากมายที่ชาติตะวันตกใช้กับรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการแบนธนาคารขนาดใหญ่ออกจาก SWIFT ระบบธนาคารระหว่างประเทศ ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร และทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเปลี่ยนท่าที ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากนัก
คำให้การต่อสภาคองเกรสของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดช่วยคลายความกังวลให้นักลงทุน โดยเขายังคงคิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในการประชุมของธนาคารกลางช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ แต่สนับสนุนให้ขึ้นเพียง 0.25% จากเดิมที่คาดกันไว้ว่าจะขึ้น 0.5%