สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกแถลงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครน ระบุว่า เป็นการชัดเจนว่ากลุ่มพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังพยายามจงใจสร้างสถานการณ์ เพื่อลวงให้รัสเซียทำสงคราม และเป้าประสงค์ของสหรัฐฯคือต้องการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ยูเครนหลังการประชุมร่วมกับนายวิกเตอร์ ออร์บัน นายก รัฐมนตรีฮังการี หนึ่งในประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงมอสโก โดยกล่าวว่าชาติตะวันตกใช้ยูเครนเป็นเครื่องมือขัดขวางการพัฒนาของรัสเซีย สหรัฐฯ ก็เมินเฉยต่อข้อกังวลของรัสเซียในเรื่องที่นาโตขยายอิทธิพลเข้ามาในยุโรปตะวันออกและยูเครน ทั้งที่รัสเซียให้ความชัดเจนว่าอยากได้ข้อตกลงผูกมัดทางกฎหมาย รับประกันในเรื่องนี้เพื่อที่จะได้ลดความตึงเครียด ลองนึกดูว่าหากวันหนึ่งยูเครนเข้าร่วมกับนาโตในที่สุด และตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้าไปในคาบสมุทรไครเมีย คิดว่ารัสเซียจะรบกับนาโตหรือไม่ มีใครคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย แสดงจุดยืนระหว่างการหารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯว่า รัฐบาลรัสเซียต้องการให้ชาติตะวันตกเคารพข้อตกลงนครอิสตันบูล ตุรกี เมื่อปี 2542 ซึ่งลงนามร่วมระหว่างชาติสมาชิกองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ที่รวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ รัสเซีย อันมีหลักการว่า ห้ามประเทศใดๆเสริมสร้างความเข้มแข็งทางความมั่นคง หากการกระทำนั้นส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ขณะที่นายบลิงเคนกล่าวยอมรับว่า จำเป็นต้องหารือในเรื่องนี้เพิ่มเติม แต่ขอให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบๆพรมแดนยูเครน
...
นอกจากนี้ สื่อเอล ปาส ของสเปน ยังรายงานเอกสารของรัฐบาลสหรัฐฯและองค์การนาโต ที่เรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียเปิดการเจรจาเพื่อลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ และวางมาตรการที่จะสร้างความ ไว้เนื้อเชื่อใจแก่กันและกัน ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯเผยด้วยว่า มีการยื่นข้อเสนอว่าหากรัสเซียพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลเรื่องฐานยิงมิสไซล์ของรัสเซีย สหรัฐฯ ก็พร้อมจะเปิดทางให้รัสเซียเข้ามา ยืนยันว่านาโตไม่ได้ติดตั้งจรวดนำวิถีโทมาฮอว์คไว้ที่ฐานทัพในโรมาเนียและโปแลนด์.