เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาชาติเพื่อนบ้านของเรา และประธานหมุนเวียน “อาเซียน” ปีหน้า ก็ถูกเล่นงานอย่างฉับพลัน จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
โดยกระทรวงต่างประเทศ-คลัง-พาณิชย์ของพญาอินทรีได้ออกคำแนะนำเตือนบริษัทสัญชาติอเมริกันที่พิจารณาเข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชาให้ใช้ความระมัดระวังในการติดต่อกับหน่วยงานและบริษัทต่างๆที่อาจเกี่ยวข้องการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาชญากรรม การทุจริต ไม่ว่าจะเป็นภาคการเงิน อสังหาริมทรัพย์ สาธารณูปโภคอีกทั้งบางบริษัทในกัมพูชาอาจโยงกับการค้ามนุษย์ ค้าสัตว์ป่า ยาเสพติดและอื่นๆ
เรียกได้ว่าฟังแล้วไม่มีอะไรดีเลย ดูย่ำแย่ขั้นสุด แถมไม่พอรัฐบาลสหรัฐฯยังต่อด้วยการขึ้นบัญชีดำ เจ้าหน้าที่กัมพูชา 2 คน คือ พล.ร.อ.เตีย วินห์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.ท.เชา พิรุน เจ้ากรมวัสดุ กระทรวงกลาโหม ตามข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิด หาผลประโยชน์จากโครงการฐานทัพเรือเรียม ริมอ่าวไทยในจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งบางส่วนอเมริกาเป็นคนออกทุนให้ ซึ่งจากกรณีนี้ทั้งสองจะถูกคว่ำบาตร อายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ และห้ามเข้าสหรัฐฯ
ทั้งหมดก็ด้วยเหตุผลว่า สหรัฐฯจะไม่ทนต่อการทุจริตหากินบนความทุกข์ยากของชาวกัมพูชา และทำให้ต่อมารัฐบาลกัมพูชา แสดงความโกรธเคือง ว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนอดีตจะพบว่า ฐานทัพเรียมของกัมพูชาแห่งนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนมาพักใหญ่แล้ว เนื่องจากกัมพูชาเล่นบทสองหน้า โดยหน้าฉากใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพสหรัฐฯตามโครงการซ้อมรบระดับภูมิภาค “กะรัต” (CARAT) มาตั้งแต่ปี 2553 แต่หลังฉาก ก็อนุญาตให้ “กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน” ใช้เป็นฐานปฏิบัติการต่างแดนแถมฟันกำไรเหนาะๆ รับเงินทุนก่อสร้างจากทั้งสองฝ่าย
...
โดยหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐฯ เป็นผู้รายงานเรื่องนี้เมื่อปี 2562พร้อมระบุว่าการปล่อยให้จีนมีฐานทัพติดอ่าวไทย ยิ่งเป็นการสร้างความได้เปรียบต่อการขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้ของกองทัพจีน และถือว่ากัมพูชาละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเองในเรื่องอธิปไตย กระนั้น รัฐบาลกัมพูชาโวยเสียงแข็งว่าเป็นข่าวปลอม
แน่นอนว่าเหตุที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากสหรัฐฯ มาจนถึงตอนนี้ ก็เพราะในช่วงนั้น เป็นยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นทำสงครามการค้ากับจีนเพียงอย่างเดียว ต่างกับยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในตอนนี้ ที่มีความเข้าใจภาพรวมด้านความมั่นคง และพร้อมจะดำเนินการใดๆ เพื่อให้อเมริกายังครองความเป็นเจ้าอิทธิพลในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอินโด-แปซิฟิก ที่รัฐบาลชุดก่อนทิ้งให้ความสัมพันธ์เหินห่าง
ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใด ที่ต้องมีการบีบรัฐบาลกัมพูชาในทางใดทางหนึ่ง เพื่อเตือนให้รู้ว่าสหรัฐฯไม่ได้โง่ที่จะปล่อยให้หลอกรับประทานไปเรื่อยๆ.
ตุ๊ ปากเกร็ด