• ทางการจีนมีคำสั่งล็อกดาวน์เมืองเฮ่ยเหอ มณฑลเฮย์หลงเจียง ที่ติดกับพรมแดนรัสเซีย หลังพบผู้ติดเชื้อในเมืองนี้ 1 ราย นับเป็นเมืองที่ 3 ที่อยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวดสกัดโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ ต่อจากหลานโจว มณฑลกานซู และเมืองเอ๋อจิน ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ส่วนกรุงปักกิ่งมีมาตรการคุมเข้มการเดินทางทั้งเที่ยวบินและรถไฟ เพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่  
  • คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ 377 ราย ระหว่าง 17-29 ต.ค.64 แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในจีนจะไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่จีนมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ไม่อยากให้สถานการณ์บานปลาย ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว ที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 100 วัน

ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 14 มณฑลของประเทศ ทางการจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเฮ่ยเหอ มณฑลเฮย์หลงเจียง ประชากร 1.6 ล้านคน เป็นเมืองที่สาม เมื่อวันที่ 28 ต.ค. หลังล็อกดาวน์เมืองหลานโจว มณฑลกานซูเมือง และเมืองเอ๋อจีน่า ที่มีประชากรเกือบ 36,000 คน ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน 

โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดในจีน สืบสวนไปพบความเชื่อมโยงกับคนชราคู่หนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยว เริ่มต้นเดินทางจากเซี่ยงไฮ้แล้วบินไปเมืองซีอาน ต่อด้วยมณฑลกานซูและมองโกเลียใน ทำให้เกิดการติดเชื้อหลายสิบคน

...

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อใหม่พบมากที่สุด 19 คนในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน 12 คนในมณฑลกานซู  9 คนในมณฑลเฮย์หลงเจียง 3 คนในมณฑลชิงไห่ 2 คนในกรุงปักกิ่ง 2 คนในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย และอีกคนหนึ่งในมณฑลยูนนาน ส่วนยอดสะสมรวมผู้ป่วยโควิด-19 ของจีนอยู่ที่ 97,002 คน เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 4,636 ราย

นับเป็นตัวเลขไม่มากเลยเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อเกือบ 46.7 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 766,000 ศพ ส่วนที่อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อกว่า 9 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตกว่า 140,000 ศพในขณะนี้         

       

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       

นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน

นับตั้งแต่จีนประสบความสำเร็จอย่างมากในการควบคุมการระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ที่เริ่มเมื่อปลายปี 2562 จนถึงตอนนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่เป็นความท้าทายใหม่ของจีน โดยจีนพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาครั้งแรกในมณฑลกวางตุ้ง เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ตามด้วยการระบาดในเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู เมื่อเดือน ก.ค. ที่ลามไป 15 มณฑล ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งนับจากนั้นมาจีนได้คุมการระบาดสำเร็จอีกครั้ง แต่ทุกคนก็ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละกว่า 10 ราย

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงไทยกำลังพยายามให้ประชาชนปรับตัวอยู่กับโควิด เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อ แต่จีนยังคงใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ จำกัดการเข้าออกพรมแดน การเดินทางทางเรือและทางอากาศ ควบคุมไม่ให้มีนักเดินทางที่ติดเชื้อเข้ามาแพร่เชื้อสู่คนท้องถิ่น รัฐบาลท้องถิ่นรับมือด้วยการรุกตรวจหาเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก ปิดแหล่งท่องเที่ยว โรงเรียน สถานบันเทิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ล็อกดาวน์อาคารบ้านเรือนเป้าหมาย

นายมี่ เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติระบุว่า ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 14 มณฑล ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในท้องถิ่นและเป็นการแพร่เชื้อโดยผู้ที่ไม่มีอาการ เป็นการแสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดยังคงดำเนินไป ซึ่งการควบคุมเชื้อไวรัสทำได้อย่างยากลำบากและมีความซับซ้อน 

...

ในขณะที่เมืองเล็กๆ ตามแนวชายแดน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีทรัพยากรมากนัก ชาวบ้านมีรายได้จากการค้าขายติดต่อข้ามพรมแดน อย่างเมืองรุยลี่ ที่อยู่ติดกับชายแดนเมียนมา ชาวบ้านมีรายได้จากธุรกิจขายสินค้าให้ชาวเมียนมา เมื่อพรมแดนถูกจำกัดเข้มงวดในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้เมืองเล็กๆ เหล่านี้ต่างได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่าเมืองร่ำรวยขนาดใหญ่ 

เมืองเฮ่ยเหอ เมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอามูร์ ฝั่งตรงข้ามเป็นชายแดนของรัสเซีย มีประชากร 1.3 ล้านคน พบการติดเชื้อในท้องถิ่น 26 ราย เมื่อวันที่ 29 ต.ค. เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากตัวเลข 2-3 วันก่อนหน้านั้น แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้การป้องกันในระดับชุมชนเริ่มมีความหละหลวม

ทางการจีนระบุว่า จากการสอบสวนโรคเพิ่มเติมกลับพบว่า เป็นการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา และคลัสเตอร์ในเมืองเฮ่ยเหอ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศในขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่าอาจมีแหล่งแพร่กระจายเชื้อรายอื่นที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้จีนต้องเพิ่มความเข้มงวดในการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ การตรวจคัดกรองคนที่มีความเสี่ยงสูงและยกระดับระบบสอดส่องการแพร่กระจายเชื้อในประเทศ ขณะเดียวกันได้สร้างศูนย์กักตัว 5,000 เตียง ในเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ไว้รองรับ

ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นชาวบ้านในเมืองทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ติดเชื้อมาจากคนที่สัมผัสติดต่อกับคนที่เดินทางข้ามพรมแดนมา

...

ขณะเดียวกัน คำสั่งให้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องกักตัว 21 วัน ยังสร้างความลำบากให้แก่ชาวจีนที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศและอยากจะเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัว เนื่องจากเมื่อเดินทางถึงจีนแล้วต้องไปกักตัวในโรงแรม 14 วัน ต่อด้วยการกักตัวอยู่แต่ในบ้านอีก 7 วัน ทำให้การลาหยุดงาน 1 เดือนไม่เพียงพอหากจะกลับบ้านที่จีน 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจีนมองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดไวรัสให้หมดไป หรือเป็นศูนย์ และเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดประเทศตลอดไป วันใดวันหนึ่งจีนก็ต้องเปิดประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่าจะเป็นเมื่อไหร่ โดยสิ่งที่จีนไม่อยากเห็นมากที่สุดคือ เมื่อเปิดประเทศแล้วจะมีภาพประชาชนต้องไปต่อแถวจนล้นโรงพยาบาล ห้องฉุกเฉินไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วย แพทย์พยาบาลเหนื่อยล้าจนปฏิบัติหน้าที่ไม่ไหว อันส่อให้เห็นความล้มเหลวของระบบสาธารณสุข เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองอู่ฮั่น เมื่อปลายปี 2562 ทำให้แม้จะมีเสียงเรียกร้องว่าตอนนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนไปแล้ว และขอให้จีนพิจารณาเปิดประเทศ หาทางดำรงชีวิตอยู่กับโควิด แต่คาดว่ารัฐบาลจีนคงจะยังไม่สนใจแผนเปิดประเทศในเร็วๆ นี้

...

เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก

จีนยังคงเดินหน้าเตรียมความพร้อมจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่จะมีขึ้นระหว่าง 4-20 ก.พ.65 สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า เพื่อความปลอดภัย ทางการจีนมีคำสั่งให้นักกีฬาจีนและสตาฟฟ์ผู้เกี่ยวข้องในงานต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 พร้อมแนะนำให้นักกีฬาต่างชาติฉีดวัคซีนเข็ม 3 มาด้วย แต่ไม่ได้เป็นการบังคับ 

ด้านคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวของจีนประกาศชัดว่าจะไม่ขายตั๋วเข้าชมให้กับผู้ชมที่อยู่ในต่างประเทศ และเชื่อว่าจะยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

เดินหน้าโครงการวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกัน

นับจนถึงเมื่อวันที่ 23 ต.ค.จีนฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชาชนแล้ว 1,068 ล้านคน คิดเป็น 75.8% ของจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เร่งฉีดให้กับเด็กอายุ 3-11 ปีภายในปลายเดือน ธ.ค.นี้ และกำลังเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับกลุ่มผู้ใหญ่ที่ส่วนใหญ่ฉีดเข็มล่าสุดไปเมื่อ 6 เดือนก่อน และพบว่าภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม เริ่มลดลงไปภายในไม่กี่เดือนหลังฉีด 

ด้าน นายหวัง หัวชิง ผู้เชี่ยวชาญโครงการสร้างภูมิคุ้มกัน แห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดเปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้เร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชาชน และไม่จำเป็นว่าต้องฉีดทุกคน โดยหวังว่าในอนาคตจะมีวัคซีนที่ดีกว่นานี้เพื่อป้องกันประชาชนได้อย่างเต็มที่.

ผู้เขียน เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์