ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในรัฐทางเหนือของอินเดีย และในประเทศเนปาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100 ศพ
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า รัฐอุตตราขัณฑ์ ทางเหนือของอินเดีย และหลายพื้นที่ในประเทศเนปาล กำลังเผชิญเหตุอุทกภัยรุนแรงหลังจากเกิดฝนตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในทั้งสองประเทศแล้วมากกว่า 100 ราย สูญหายอีกหลายสิบคน ขณะที่บ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำท่วมหรือถูกดินถล่มทับทำลาย
ในวันพุธที่ 20 ต.ค. 2564 มีรายงานพบผู้เสียชีวิตในรัฐอุตตราขัณฑ์เพิ่มอีก 6 ศพ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมในรัฐแห่งนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 52 ศพ รวมทั้งครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน
ตามปกติแล้ว ตลอดเดือนตุลาคม รัฐอุตตราขัณฑ์จะมีฝนตกสูงประมาณ 30.5 มม. แต่ในสัปดาห์นี้ พวกเขากับเผชิญฝนตกหนักสูงถึง 328 มม. หรือมากกว่า 10 เท่าภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น ส่งผลให้แม่น้ำคงคา ที่เมืองฤษีเกศ (Rishikesh) เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียระบุว่า ฝนกำลังลดลงแล้ว
แต่ที่สถานการณ์ฝนในเนปาลจะยังไม่ทุเลาลงในเร็วๆ นี้ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากที่สุดคือเขต ปานช์ธาร์ (Panchthar) ทางตะวันออกและเขตอิลาม (Ilam) กับเขตโดตี (Doti) ทางตะวันตก มีผู้เสียชีวิตราว 50 ศพ ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังพยายามเข้าถึงผู้ประสบภัย 60 คนที่ติดค้างในหมู่บ้านเซตีมานานกว่า 2 วันแล้ว
ทั้งนี้ นายพุชการ สิงห์ ธามี มุขมนตรีรัฐอุตตราขัณฑ์ ประกาศว่าจะมอบเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตจำนวน 400,000 รูปี (ราว 178,500 บาท) และเพิ่มอีก 190,000 รูปี (ราว 84,790 บาท) สำหรับผู้ที่บ้านถูกทำลาย ขณะที่เนปาลจะมอบเงินชดเชยให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต 200,000 รูปีเนปาล (ราว 55,500 บาท)
...
ด้านนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และว่าฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเป็นผลมาจากวิกฤติสภาพอากาศ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้หิมะตกบนเทือกเขาหิมาลัยน้อยลง เมื่อบวกกับฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำจำนวนมหาศาลถูกผลักดันลงมาเบื้องล่าง กลายเป็นน้ำท่วมฉับพลัน