2 นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2021 ไปครอง จากผลงานการค้นพบว่าร่างกายมนุษย์รับรู้อุณหภูมิและสัมผัสได้อย่างไร ซึ่งอาจนำไปสู่วิธีการรักษาใหม่ๆ

สำนักข่าว เจแปนทูเดย์ รายงานว่า นายเดวิด จูเลียส กับนาย อาร์เดม ปาตาปูเชียน นักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาทความรู้สึกทางกายชาวอเมริกัน เป็นผู้คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2021 ไปครอง จากผลงานที่พวกเขาค้นพบ ตัวรับบนผิวหนังมนุษย์ที่ตอบสนองต่อความร้อนและแรงดัน

นายโธมัส เพิร์ลแมนน์ เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการโนเบลระบุในงานประกาศรางวัลเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. 2565 ว่า “นี่เป็นการปลดล็อกหนึ่งในความลับของธรรมชาติ” “นี่เป็นบางสิ่งที่สำคัญต่อการอยู่รอดของเราอย่างแท้จริง มันจึงเป็นการค้นพบที่สำคัญและลึกซึ้งมาก”

คณะกรรมการโนเบลระบุอีกว่า ดร.จูเลียส ซึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในเมืองชิคาโก ใช้สารแคพไซซิน ซึ่งพบได้ในพริก ในการระบุระบบประสาทที่ทำให้ผิวหนังตอบสนองต่อความร้อน ขณะที่ ดร.ปาตาปูเชียน ซึ่งเกิดที่เลบานอน และตอนนี้กำลังทำงานที่สถาบันวิจัย ‘สคริปส์’ (Scripps) ในแคลิฟอร์เนีย คนพบระบบประสาทรับความรู้สึกที่อ่อนไหวต่อแรงกดดัน ซึ่งตอบสนองต่อการกระตุ้นของพลังงานกล

ด้านนายออสการ์ มาริน ผู้อำนวยการของศูนย์โรคภาวะบกพร่องด้านพัฒนาการระบบประสาท ที่วิทยาลัยคิง คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า การเลือก ดร.จูเลียสและ ดร.ปาตาปูเชียน ตอกย้ำให้เห็นว่า นักวิทยาศาสตร์มีความรู้เกี่ยวกับการรับรู้ความรู้สึกของร่างกายมนุษย์น้อยเพียงใด และพวกเขายังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากแค่ไหน

...

“ในขณะที่เราเข้าใจความรู้สึกทางสรีรศาสตร์ แต่เราไม่เข้าใจว่า เรารู้สึกถึงอุณหภูมิหรือแรงกดดันต่างกัน” นายมารินกล่าว “การรู้วิธีที่ร่างกายรู้สึก มันเปลี่ยนแปลงถึงรากฐาน เพราะเมื่อเรารู้จักโมเลกุลเหล่านี้แล้ว พวกเขาจะสามารถกำหนดเป้าหมายได้ มันเหมือนกับการค้นพบแม่กุญแจ และตอนนี้เรารู้จักลูกกุญแจที่จะไขมันแล้ว”

นายมารินระบุอีกว่า การค้นพบนี้เป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ในด้านเภสัชวิทยา และนักวิจัยกำลังทำงานเพื่อพัฒนายาที่เจาะจงเป้าหมายไปที่ตัวรับที่เพิ่งถูกค้นพบอยู่ ซึ่งเขาคาดว่า การรักษาอาการเจ็บปวดใหม่ๆ จะเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนการรู้ว่าร่างกายจับความเปลี่ยนแปลงของความกดดันอย่างไร อาจนำไปสู่ยารักษาโรคหัวใจได้ หากนักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีลดแรงดันของหลอดเลือดและอวัยวะอื่นๆ

ทั้งนี้ ผู้คว้ารางวัลโนเบลทั้ง 2 คนจะได้รับเหรียญทองคำ และแบ่งเงินรางวัลจำนวน 10 ล้านโครเนอร์ (ราว 38.6 ล้านบาท) กันคนละครึ่ง