2-3 วันนี้ ข่าวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ดังพอสมควร มีผู้ถามถึงโครงสร้างการปกครองเกาหลีเหนือ และขอให้วิเคราะห์ปัญหาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ผมสอบถามไปที่อาจารย์นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ผู้เคยอยู่ในกลุ่มที่ได้รับเชิญจากนายคิม ยอง-นัม ประธานสภาประชาชนสูงสุด ให้ไปเยือนเกาหลีเหนือเมื่อ พ.ศ.2555
ก่อนหน้าที่นายคิม ยอง-นัม จะมาเป็นประธานสภาประชาชนสูงสุด ท่านเคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศมานานถึง 30 ปี เป็นผู้มีประสบการณ์มาก จบทั้งมหาวิทยาลัยคิมอิลซอง และมหาวิทยาลัยมอสโก อาจารย์นิติภูมิธณัฐบอกว่า หลังจากที่กลับมาจากเกาหลีเหนือแล้ว โครงสร้างหลายอย่างของประเทศนั้นก็เปลี่ยนไป สมัชชาประชาชนสูงสุดแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อมิถุนายน พ.ศ.2559 ให้มี SAC (State Affairs Commission) หรือคณะกรรมการกิจการแห่งรัฐ
เดิมคณะกรรมการป้องกันประเทศเป็นองค์กรการเมืองที่มีอำนาจสูงสุด แต่หลังจาก พ.ศ.2559 กลับเป็นคณะกรรมการกิจการแห่งรัฐ ที่คิม จอง-อึน เป็นประธาน หน่วยงานใดก็ตามที่เคยอยู่กับคณะกรรมการป้องกันประเทศให้ย้ายมาอยู่ที่คณะกรรมการกิจการแห่งรัฐทั้งหมด
หลายคนดูว่าคิม จอง-อึน เป็นเด็กไม่ประสีประสา ทว่าพอมาเป็นผู้นำแล้ว คิม จอง-อึนไม่ธรรมดา สามารถรวบอำนาจทางการเมืองและลดบทบาทของกองทัพในด้านการเมืองลงได้
ในอดีต เกาหลีเหนือคนไหนทำความผิดก็ลงโทษคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดในความพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ การรับรู้ข่าวสารภายนอก การแสดงออกทางการเมือง และการปฏิบัติกิจการศาสนา เดี๋ยวนี้ไม่ได้ส่งเข้าค่ายกักกันแรงงานหรือประหารชีวิตเฉพาะคนทำผิดนะครับ แต่ลงโทษญาติด้วย เมื่อก่อน คนหนีออกจากเกาหลีเหนือได้ก็สบายไป แต่ปัจจุบัน คุณสบายแต่พ่อแม่พี่น้องอาจจะถูกประหารชีวิตหรือถูกส่งเข้าค่ายกักกันแรงงาน
...
30 กันยายน 2564 คิม จอง-อึน พูดระหว่างการประชุมสภาประชาชนสูงสุดว่า แกเต็มใจที่จะฟื้นฟูสายด่วนการสื่อสารที่สำคัญระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในเดือนตุลาคม 2564 เพื่อความปรองดอง เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและความสัมพันธ์ระหว่างกันตลอด 2 พรมแดน
สิ่งที่นายคิม จอง-อึนพูดกับสิ่งที่เกาหลีเหนือเพิ่งทำตรงกันข้าม เพราะเกาหลีเหนือเพิ่งทดสอบระบบขีปนาวุธจากขบวนรถไฟ (ในอดีตมีทั้งยิงจากรถบรรทุก ยิงจากฐานยิง) หลังจากนั้น เกาหลีใต้ก็ทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ ต่อไปนี้คาบสมุทรเกาหลีจะร้อนเป็นไฟ เพราะเกาหลีใต้สามารถกระโจนลงมาร่วมพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์เหมือนเกาหลีเหนือได้ด้วย
ทันทีที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธเสร็จ เกาหลีใต้ก็ยิงขีปนาวุธจากใต้ผิวน้ำ จากเรือดำน้ำอันชางโฮ เดิมเกาหลีใต้ทดสอบขีปนาวุธไม่ได้เพราะมีข้อตกลงโครงการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯมานานกว่า 42 ปี ที่เกาหลีใต้ไม่ต้องทดสอบ เพราะสหรัฐฯจะช่วยปกป้องให้ แต่สหรัฐฯเพิ่งมายกเลิกข้อจำกัดในยุคของประธานาธิบดีไบเดนเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 นี่หมายความว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป คาบสมุทรเกาหลีแข่งกันพัฒนาอาวุธแน่
มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2397 เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ให้ประเทศต่างๆ ส่งคนงานเกาหลีเหนือกลับประเทศภายใน 2 ปี เพื่อตัดโอกาสที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเรียกเก็บเงินจากคนงานเหล่านี้ คนงานเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไปเป็นคนงานก่อสร้าง ทำไม้ พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ได้เงินเท่าใด รัฐบาลเกาหลีเหนือก็เอาเงินบางส่วนมาใช้ในโครงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ที่จริงก็ไม่ใช่เงินมากดอกครับ ปีหนึ่งไม่กี่ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เกาหลีเหนือ อิรัก และอิหร่าน ต่างโดนสหรัฐฯใช้องค์กรโลกอย่างสหประชาชาติเล่นงานเหมือนกัน แต่อิรักยอมเพราะคิดว่าถ้าเชื่อฟังและให้สหประชาชาติมาตรวจอย่างโปร่งใส ความใสสะอาดของตัวเองจะช่วยทำให้รอด ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าคิดผิด ยิ่งรู้ว่าไม่มีพิษสง ก็ยิ่งโดนย่ำยี
อิหร่านและเกาหลีเหนือเห็นตัวอย่างอิรักแล้ว ก็เดินนโยบายตรงกันข้าม โดยเฉพาะเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธอย่างไม่เกรงใจใคร มีเพียง 4 ชาติในโลกเท่านั้นที่สามารถยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่มีความเร็วเหนือเสียงถึง 5 เท่าขึ้นไปได้ คือ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ
สหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมาแล้วหลายรอบ คว่ำจนชิน จะคว่ำอีกกี่ครั้ง เกาหลีเหนือก็บอกว่า “เชิญ”.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com