- อังเกลา แมร์เคิล ปิดฉากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 16 ปีของเยอรมนี ตัดสินใจอำลาการเมือง ไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกฯ สมัยที่ 5 ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 ก.ย.นี้
- นายกฯ แมร์เคิล สร้างตำนานเป็นผู้หญิงคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ เยอรมนี ฝ่าฟันปัญหานานัปการที่เกิดขึ้นในประเทศ และวิกฤตการณ์ในต่างประเทศ
- อดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส ยกย่องนายกฯ แมร์เคิลจะได้รับการจดจำในฐานะผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป
ชาวเยอรมันมาถึงวันที่จะไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ อังเกลา แมร์เคิล เป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป หลังจากนางแมร์เคิล หัวหน้าพรรครัฐบาล 'สหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน' (CDU) วัย 67 ปี ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญทางการเมือง ขอปิดฉากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 16 ปีของเยอรมนี ด้วยการไม่ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 5 ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 กันยายน นี้
16 ปีสำหรับนักการเมืองสักคนที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จนสามารถครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มาจากการชนะเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยไร้ข้อครหา-ถูกกังขาในเรื่องการทุจริตมายาวนานขนาดนี้ นับเป็นเรื่องยากเกินกว่าใครจะคาดถึง
...
สร้างประวัติศาสตร์นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมนี
ในวันที่แมร์เคิลก้าวออกจากสำนักนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 26 กันยายน 2564 นอกจากจะถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยในฐานะผู้หญิงคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีแล้ว หากการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนีต้องลากยาวออกไปหลังการเลือกตั้ง อาจทำให้ แมร์เคิล สร้างตำนานดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเยอรมนีที่ยาวนานที่สุด นานกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเฮลมุต โคห์ลอีกด้วย
หากมองย้อนกลับไปบนเส้นทางการเมืองของแมร์เคิล จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมนีในปี 2548 นั้น แมร์เคิล ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ และจบระดับปริญญาเอกด้านควอนตัมเคมี ถูกคนจำนวนมากมองว่าไม่ประสีประสา ขาดประสบการณ์ทางการเมือง อีกทั้งดูไม่มีเสน่ห์ เพราะมีบุคลิกภาพเป็นอาจารย์นักวิชาการมากกว่า
ทว่าตลอด 16 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรี แมร์เคิลได้พิสูจน์ฝีมือครั้งแล้วครั้งเล่าในการนำพาประเทศฝ่าฟันวิกฤตการณ์ต่างๆ จนได้รับการยกย่องในฐานะ ‘หญิงเหล็ก’ ผู้สร้างประวัติศาสตร์และเป็นตำนานการเมืองของเยอรมนี โดยนิตยสารฟอร์บส์ ได้จัดอันดับให้แมร์เคิล เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกติดต่อกันนานถึง 10 ปี
ผู้นำที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในยุโรป
3 ปีแรกที่แมร์เคิลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญกับศึกหนัก ความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 ที่สั่นสะเทือนเศรษฐกิจของยุโรป
อย่างไรก็ตาม ใช่เพียงแต่นางแมร์เคิลสามารถคัดท้ายนำพาประเทศเยอรมนีให้รอดพ้นจากการล้มละลายทางเศรษฐกิจได้แล้ว แต่แมร์เคิลยังถือเป็นหัวใจสำคัญของการตอบโต้วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป หรือที่เรียกกันว่า 'วิกฤติยูโรโซน' ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศสมาชิกยุโรปหลายประเทศที่เริ่มขึ้นตั้งแต่สิ้นปี 2552 ซึ่งทำให้กรีซ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ สเปน และไซปรัส ที่รัฐบาลก่อหนี้สาธารณะเป็นสัดส่วนที่สูง มีอัตราหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) เกินกว่า 100% ต้องเผชิญการล้มละลายทางเศรษกิจ
...
นอกเหนือจากนั้น นายกรัฐมนตรีแมร์เคิล ยังต้องบริหารประเทศท่ามกลางสถานการณ์ต่างประเทศที่เต็มไปด้วยปัญหานานัปการ ไม่ว่าจะเป็น ความวุ่นวายในโลกอาหรับ ที่เกิดการปฏิวัติโค่นล้มผู้นำเผด็จการ ที่เรียกว่า 'อาหรับ สปริง', ความขัดแย้งรุนแรงในลิเบีย, สงครามกลางเมืองในซีเรีย, วิกฤติยูเครน, วิกฤติผู้ลี้ภัยที่หลั่งไหลมายังยุโรป, การแพร่หลายของลัทธิประชานิยม, ความขัดแย้งกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ และล่าสุด คือการจัดการสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 จนมาถึงการถอนกำลังทหารสหรัฐฯและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ออกจากอัฟกานิสถาน
...
ระยะเวลาตลอด 16 ปี ของการเป็นผู้นำเยอรมนีนั้น แมร์เคิลได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษถึง 5 คน, ประธานาธิบดีฝรั่งเศส 4 คน, นายกรัฐมนตรีอิตาลี 7 คน และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 4 คน นับตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช, บารัค โอบามา, โดนัลด์ ทรัมป์ จนมาถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน
'อังเกลา แมร์เคิล จะถูกจดจำในฐานะผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรป' อดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส เคยกล่าวยกย่องนายกรัฐมนตรีแมร์เคิล พร้อมทั้งยกย่องว่านายกรัฐมนตรีแมร์เคิลคือผู้รักษาสหภาพยุโรปให้ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว
...
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์