เมื่อเช้าวันอังคารบ้านเรา ซึ่งตรงกับช่วงค่ำๆของวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐอเมริกา...มีรายงานว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงระเนนระนาดทั้ง 3 ตลาด โดยเฉพาะดาวโจนส์ร่วงไปถึง 614 จุด, เอสแอนด์พี ร่วง 75 จุด และแนสแด็ก ก็ร่วงถึง 330 จุด

เฉพาะตลาดเอสแอนด์พีกับแนสแด็กนั้น ถือว่าเปอร์เซ็นต์การร่วงประจำวันสูงมาก...สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้เป็นต้นมา

สาเหตุสำคัญที่สุดก็มาจากความวิตกกังวลว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน บริษัทเอเวอร์แกรนด์ อาจจะล้มละลายในเร็วๆนี้ หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลจีน

แน่นอนการล้มของเอเวอร์แกรนด์ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเท่านั้น ยังจะส่งผลไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลกอีกด้วย เพราะการเชื่อมโยงของการลงทุนในยุคใหม่ ที่ทุกตลาดทุนของทุกๆประเทศ ทุกทวีป จะเชื่อมโยงถึงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม

เอเวอร์แกรนด์ออกมายอมรับว่าบริษัทมีหนี้สินทั้งสิ้นกว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือถ้าคูณออกมาเป็นเงินไทยก็ประมาณ 10 ล้านล้านบาท เท่ากับงบประมาณแผ่นดินของประเทศไทยอย่างน้อย 3 ปี

และบททดสอบที่สำคัญมากก็คือ เอเวอร์แกรนด์จะต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่หุ้นกู้ก้อนหนึ่งเป็นเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 2,780 ล้านบาท ภายในวันที่ 23 กันยายนนี้ ซึ่งก็คือวันนี้นั่นเอง

ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าเอเวอร์แกรนด์จะชำระได้หรือไม่?

ขณะเดียวกันก็รอฟังสัญญาณไปด้วยว่ารัฐบาลจีนจะเข้าไปช่วยเหลือบริษัทอสังหาริมทรัพย์นี้อย่างไร? และด้วยวิธีใด?...

สำหรับท่านประธานและผู้ถือหุ้นมากที่สุดของบริษัทนี้ก็คือ คุณ Xu Jiayin ที่มีคนอ่านออกเสียงเป็นภาษาไทยว่า “สวี่ เจี่ยยิน” ซึ่งผมไม่มีโอกาสได้ถามคุณ น.นพรัตน์ นักแปลกำลังภายในชื่อดังของเราว่า จริงๆแล้วจะต้องออกเสียงอย่างไร

...

คุณ สวี่ เจี่ยยิน เพิ่งอายุ 62 ปีเท่านั้น ซึ่งในยุคนี้ถือว่ายังหนุ่มมาก เกิดที่มณฑลเหอหนาน แต่ตระเวนไปทำงานหลายที่ทั้งเสิ่นเจิ้น และกว่างโจว...ล่าสุดมาปักหลักอยู่ที่กว่างโจว

เขาเป็นเด็กบ้านนอกที่ยากจน พ่อเป็นอดีตทหารในกองทัพจีน แม่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็ก ต้องอาศัยอยู่กับญาติใกล้ชิดและเติบโตขึ้นแบบอดมื้อกินมื้อมาตลอด

เมื่อจบมัธยมแล้ว เขาต้องออกไปทำงานจนเกือบไม่ได้เรียนต่อ แต่แล้วก็เก็บเงินกลับไปเข้าเรียนที่ สถาบันเหล็กกล้าแห่งอู่ฮั่น ซึ่ง

ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งอู่ฮั่นนั่นเอง

จบแล้วเขาออกมาทำงานในโรงงานเหล็กอยู่หลายปี ในที่สุดเขาก็หันเข้าจับธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ สร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลัก

สวี่ เจี่ยยิน ย้ายมาอยู่ที่กว่างโจว และเริ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอเวอร์แกรนด์ของเขาที่นครกว่างโจวนี่เอง ต่อมาก็รวยเอาๆ และเผลอแผล็บเดียวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของจีน เมื่อปี 2019 ด้วยทรัพย์สิน 30,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์

เจ้าสัว สวี่ เจี่ยยิน เมื่อรวยแล้วก็ขยายการลงทุนขนานใหญ่ และเข้าซื้อทีมฟุตบอลที่กว่างโจว ตั้งชื่อใหม่ว่า กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จ้างนักเตะบราซิล อาร์เจนตินา มาเล่นเพียบ

เขายังลงทุนโน่นนี่อีกหลายอย่าง เช่น ตั้งโรงงานผลิตนํ้าแร่และ ลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ใช้ไฟฟ้า ฯลฯ

แต่แล้วพอปี 2020 ก็เริ่มโป๊ะแตกเมื่อโควิด-19 เริ่มระบาดในจีนแล้วระบาดไปทั่วโลกไม่หยุด ทำให้ธุรกิจของโลก และของจีนต้องหยุดชะงักลง

ห้องพักที่อยู่อาศัยของเขาเริ่มขายไม่ออก และเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วนี่เอง ธนาคารกลางจีนก็ประกาศกฎเหล็กที่เรียกว่า Three red lines หรือเส้นแดง 3 เส้น กำหนดหลักเกณฑ์การกู้เงินของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างค่อนข้างเข้มงวด

ที่แล้วๆ มา สวี่ เจี่ยยินขยายการลงทุนของเขาผ่านเงินกู้แทบทั้งสิ้น แต่พอเจอกฎใหม่...เขาไม่สามารถจะกู้เงินได้ง่ายๆ ในที่สุดเงินกู้ก็ขาดมือ และเขาก็ออกมายอมรับว่าเป็นหนี้ก้อนมหาศาล

อะไรจะเกิดขึ้นคงต้องติดตามกันต่อไป แบบห้ามกะพริบตา

โชคดีนะครับ เจ้าสัว “สวี่ เจี่ยยิน” และโชคดีนะครับ ธุรกิจการเงินทั้งของจีนและของโลก เพี้ยง! ขออย่าได้มีวิกฤติรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นมาซํ้าเติมอีกเลย...เท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันก็เหนื่อยกันจะแย่อยู่แล้ว.

“ซูม”