ร้อนแรงทั้งสถานการณ์การเมืองภายในและการเมืองโลกกับปมล่าสุดที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ
หลังสำนักข่าวบีบีซีรายงานโดยอ้าง นายจ้าว หลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า จีนออกมาโต้ตอบความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย
ใน สนธิสัญญา AUKUS ซึ่งเป็นความตกลงด้านความมั่นคงใน ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
จะส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทางทหาร, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัม และความมั่นคงด้านไซเบอร์ระหว่างทั้ง 3 ประเทศ
โดยเฉพาะสำคัญที่สุดคือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ออสเตรเลีย สามารถสร้าง เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ขึ้นเป็นครั้งแรก และจะกลายเป็นประเทศที่ 7 ของโลกที่มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง
นอกเหนือไปจาก สหรัฐฯ ที่มีอยู่มากที่สุดคือ 68 ลำ, รัสเซีย 29 ลำ, จีน 12 ลำ, สหราชอาณาจักร 11 ลำ, ฝรั่งเศส 8 ลำ และอินเดีย 1 ลำ
ส่งผลให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และทะเลจีนใต้ ร้อนระอุขึ้นมาทันที
โฆษกฯต่างประเทศของจีนออกมาระบุว่า ความร่วมมือดังกล่าวเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำลายสันติภาพในภูมิภาค และทำให้การแข่งขันสะสมอาวุธที่เข้มข้นยิ่งขึ้น เป็นแนวคิดที่ “หลงมาจากสงครามเย็น”
ไล่หลังมาด้วยบทวิเคราะห์โดยสื่อของรัฐบาลจีนโจมตีออสเตรเลียว่ากำลังเปลี่ยนตัวเอง จากคู่ค้ารายใหญ่ให้กลายมาเป็นปรปักษ์กับจีน
นอกจากจีนแล้ว ฝรั่งเศส ถือเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะถูกยกเลิกสัญญาสั่งผลิตเรือดำน้ำ 12 ลำ มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ จนรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสแสดงความผิดหวังว่า “เหมือนถูกแทงข้างหลัง”
...
ตามด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐฯ และออสเตรเลีย กลับประเทศ
ส่อแววว่าจะกลายเป็นวิกฤติการทูตครั้งใหญ่ของ 3 ชาติ
ขณะที่ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แสดงความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อ ภูมิภาคอาเซียน ตามมา
สงครามยุคใหม่ระหว่างมหาอำนาจ 2 ขั้ว สหรัฐฯ-จีน ทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อช่วงต้นเดือน จีนนำทัพชาติพันธมิตร ได้แก่ มองโกเลีย, ปากีสถาน และไทย ฝึกซ้อมทหารรักษาสันติภาพ “Shared Destiny-2021” ที่มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ด้วยยุทโธปกรณ์จริง
เป็นศึกงัดข้อของตำรวจโลกเดิมกับตำรวจโลกที่กำลังสถาปนาตนเองขึ้นมาใหม่
คอยปั่นสถานการณ์ยั่วยุกันไปมา เมื่อไม่กี่วันก่อน กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น ตรวจพบเรือดำน้ำที่เชื่อจะเป็นเรือดำน้ำจีน แอบมาสอดแนมใกล้เกาะทางใต้
ขณะที่ เกาหลีเหนือ พันธมิตรที่แนบแน่นกับจีน ทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยไกลจากขบวนรถไฟ
น่าวิตกความขัดแย้งที่เริ่มขยายวงในเวทีการเมืองโลก รัฐบาลไทยจะวางประเทศเราไว้ตรงไหน เดิมเราเดินแนวเป็นกลางมาตลอด แต่ตั้งแต่ที่ คสช. ยึดอำนาจ และสืบเนื่องมาจนถึง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 ณ วันนี้
ดูเหมือนเราจะเทน้ำหนักไปที่จีนมากเป็นพิเศษ
ดังนั้น คำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น สั่งให้ สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แจ้งเตือนพลเมือง ของตนใน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมา และไทย
ให้ระวังการก่อการร้ายด้วยระเบิดพลีชีพ
จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรประมาท.
“เพลิงสุริยะ”