จีนไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตอกย้ำว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์แต่เนิ่นๆ ยังสามารถควบคุมเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) ของจีน เปิดเผยในวันจันทร์ที่ 23 ส.ค. 2564 ว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศเลยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่พวกเขาเผชิญการระบาดรอบใหม่เพราะการมาของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

จีนพบไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาในประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ก.ค. ที่คลัสเตอร์การระบาดในกลุ่มพนักงานทำความสะอาดของสนามบินในเมืองหนานจิง หลังจากนั้น ไวรัสก็แพร่กระจายไปกว่าครึ่งประเทศ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 1,200 ราย กลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563

รัฐบาลจีนรับมือด้วยวิธีเดิมคือ การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด, การตรวจโรคประชาชนเป็นจำนวนมาก, การตามรอยโรคอย่างเข้มข้น และจำกัดการเดินทางในประเทศ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือเลขหลักเดียวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนยังมีผู้ติดเชื้อวันละกว่า 100 คน

ในวันจันทร์ที่ 23 ส.ค. 2564 จีนรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 21 รายแต่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด และไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเลยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 16 ก.ค. และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จีนจะกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาสำเร็จ

ทั้งนี้ จีนกับนานาประเทศทั่วโลกใช้วิธีล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ผลมาตลอดจนกระทั่งการมาของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งติดต่อง่ายกว่าเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม ทำให้หลายประเทศต้องหวนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ทำให้ประชาชนที่รู้สึกเหนื่อยล้าเริ่มออกมาแสดงความไม่พอใจ จนบางประเทศเช่นออสเตรเลีย เริ่มคิดปรับวิธีรับมือการระบาดใหม่ ด้วยการอยู่ร่วมกับไวรัสแทนที่การลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือศูนย์

...

อย่างไรก็ตาม หากจีนควบคุมการระบาดครั้งล่าสุดได้สำเร็จ จะเป็นการตอกย้ำว่า มาตรการเข้มงวด และแนวคิดการลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือศูนย์ยังใช้การได้อยู่