การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ขุนคลังสหรัฐฯระบุว่า ชาติเอเชียต้องกระตุ้นให้ความต้องการภายในประเทศเติบโตมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยเหมือนยุโรป และจะช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตมากยิ่งขึ้น...

ความคืบหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม 21 ประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 12-17 พ.ย.นั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ก่อนที่การประชุมจะเปิดฉากอย่างเป็นทางการ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐฯ ได้หารือร่วมกับกลุ่ม รมว.คลังของชาติสมาชิกเอเปค เมื่อวันที่ 11 พ.ย. โดยระบุว่าชาติเอเชียต้องกระตุ้นให้ความต้องการภายในประเทศเติบโตมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยเหมือนอย่างยุโรป และจะได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ นายไกธ์เนอร์ ยังกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของชาติเอเปคมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก และสร้างรากฐานการเติบโตของเศรษฐกิจที่มั่นคงและพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต

ส่วนกลุ่มผู้นำทางธุรกิจของชาติเอเปคเสนอแนะว่าผู้นำชาติสมาชิกเอเปคควรเร่งวางโครงสร้างข้อตกลงการค้าเสรีที่เรียกว่าทรานซ์ แปซิฟิก พาร์ต-เนอร์ชิพ หรือทีพีพี ที่จะครอบคลุมไปตั้งแต่ประเทศชิลี สหรัฐฯ จีน และชาติอื่นๆ ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้ไปสรุปกันอีกครั้งในการประชุมช่วงกลางปี 2555 ขณะที่สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค หรือเอบีเอซีก็เสนอแผนที่จะช่วยฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งเน้นให้ชาติสมาชิกเอเปคช่วยกันสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือเอสเอ็มอี เพราะถือเป็นกลไกสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆทางเศรษฐกิจ รวมถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค ทั้งนี้ ธุรกิจการค้าของโลกกว่า 44 เปอร์เซ็นต์ มาจาก 21 ชาติสมาชิกเอเปค

วันเดียวกัน นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ถึงประเทศต่างๆก่อนการประชุมเอเปคจะเริ่มขึ้น โดยเรียกร้องรัฐบาลจีนใช้อิทธิพลของตนในการช่วยกดดันประเทศอิหร่าน ในกรณีข้อกล่าวหาว่าอิหร่านอยู่ระหว่างเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งเผยว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะเป็นประเทศคู่ค้ากับพม่า หากรัฐบาลพม่าแสดงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมีการปฏิรูปที่ยั่งยืน นอกจากนี้ นางคลินตันยังกล่าวถึงประเทศเวียดนามว่า ควรพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนมากกว่านี้ หากต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯดีขึ้น.

...