ผลจากการสังเกตการณ์มาหลายปีทำให้รู้ว่าดาวเคราะห์นอกระบบหลายดวงมีลักษณะคล้ายโลก ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้ที่ดาวเคราะห์นอกระบบเหล่านั้นอาจเป็นถิ่นที่อยู่ของอารยธรรมต่างดาว
การมาเยือนของวัตถุรูปร่างประหลาด ผอมยาวราว 400 เมตร จากนอกระบบสุริยะของเราเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ชื่อ “โอมัวมัว” (Oumua-mua) โคจรเข้าใกล้โลกจนสร้างความฮือฮา มีนักวิทยาศาสตร์คิดว่า “โอมัวมัว” เป็นยานของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ขณะที่อีกหลายคนก็ยังคิดว่าเป็นเศษหินระหว่างดวงดาว
บางคนรู้สึกว่ายานเอเลี่ยนยังเป็นเรื่องไกลตัว บางส่วนก็ติงว่าวิทยาศาสตร์ควรเปิดใจ และหากไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ ก็ต้องตรวจสอบวิธีแก้ปัญหาที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังมืดมนที่จะหาคำตอบว่า “โอมัวมัว” ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่คิดว่า “โอมัวมัว” เป็นยานอวกาศต่างดาว ก็คือศาสตราจารย์ อาวี โลบ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนจำนวนมาก ลงในโครงการ “กาลิเลโอ โปรเจกต์” (Galileo Project) ที่มีเป้าหมายค้นหาเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว
ศาสตราจารย์อาวี โลบ มองว่าแทนที่จะโต้เถียงว่า “โอมัวมัว” หรือ “ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้” (Uni-dentified Aerial Phenomena–UAP) คือหลักฐานของความปราดเปรื่องของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ สิ่งที่ควรทำก็คือหาข้อมูลที่เชื่อถือได้ และนี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ต้องทำ ไม่ใช่นักการเมืองหรือทหาร แถมยังบอกอีกว่าเครื่องตรวจจับที่กองทัพใช้โดยทั่วไปไม่เหมาะสำหรับการระบุวัตถุปริศนาบนท้องฟ้าที่ไม่สามารถอธิบายได้
...
ก่อนหน้านี้ก็มีการตั้ง สถาบันเซติ (Search for Extra–terrestrial Intelli-gence–SETI) ที่มีเป้าหมายค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่างจริงจัง ผุดโครงการ Project Phoenix และ Breakthrough Listen และใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาค้นหาสัญญาณจากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว
แต่โครงการกาลิเลโอแตกต่างจากการค้นหาของเซติ พวกเขาเน้นใช้เทคนิคและความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาหลักฐานของสิ่งประดิษฐ์จากต่างดาวทั้งในอวกาศหรือบนโลก
ไม่แน่ว่าโครงการกาลิเลโออาจไขคำตอบจากคำถามที่ว่า “เราอยู่เพียงลำพังหรือไม่ในจักรวาล”.
ภัค เศารยะ