บรรยากาศเช็กบิลทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา กำลังเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังเมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายเบนนี ธอมสัน ประธานคณะกรรมาธิการชุดใหม่ของสภาคองเกรส ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลการสอบสวนเหตุการณ์ม็อบบุกรัฐสภา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 6 ม.ค. ได้ให้การรับรองว่านายโดนัลด์ ทรัมป์อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะต้องถูกสอบสวนด้วยแน่นอน เช่นด้วยการที่สมาชิกสภาคองเกรสบางคน ไปจนถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลยุคทรัมป์ ที่พัวพันหรือให้การสนับสนุน จนเกิดเหตุอัปยศที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บกว่า 140 คน
ทั้งนี้ นายธอมสันกล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ที่ประเทศชาติต้องเผชิญ การสืบสวนจะมุ่งไปที่การสืบหาข้อเท็จจริงและปัจจัยต่างๆที่นำไปสู่เหตุบุกรัฐสภาแคปปิตอล ฮิลล์ เช่นเดียวกับ การค้นหาต้นตอที่แท้จริงว่ากระแสการปลุกปั่นทางสังคมนั้นมาจากไหน ซึ่งทางคณะกรรมาธิการยังพร้อมเตรียมออกหมายศาล เรียกตัวเจ้าหน้าที่รัฐบาลสมัยประธานาธิบดีทรัมป์มาให้การ หากเกิดกรณีเจ้าหน้าที่บางคนไม่ให้ความร่วมมือ
สำหรับการไต่สวนวันแรก ของกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริงเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐฯ จะเริ่มต้นในวันที่ 27 ก.ค. นี้ โดยจะมีการไต่สวนตำรวจและอดีตตำรวจรัฐสภา และตำรวจกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นอันดับแรก ส่วนพยานคนสำคัญในกระบวนการนี้แน่นอนว่าคือนายทรัมป์ และนายเควิน แมคคาร์ธี แกนนำ ส.ส.พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลังก่อนหน้านี้มีหลักฐานว่าในช่วงเหตุบุกรัฐสภา นายแมคคาร์ธีโทรศัพท์หานายทรัมป์ด้วยความตื่นตระหนก บอกให้ทรัมป์ช่วยหยุดยั้งผู้สนับสนุนที่กำลังบุกรัฐสภา แต่กลับถูกทรัมป์ตำหนิว่าทำไมทำงานได้แค่นี้ ในเรื่องช่วยพลิกผลการเลือกตั้งให้ทรัมป์ชนะ
...
ก่อนหน้านี้ ศาลกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พิพากษาจำคุก 8 เดือน แก่นายพอล ฮอดจ์กินส์ ชาวอเมริกันจากเมืองแทมปา ในข้อหาป่วนการประชุมรัฐสภา ระหว่างเหตุการณ์บุกรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 ม.ค. โดยเจ้าตัวกล่าวขอโทษ ที่ตัดสินใจโง่ๆ และสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ขณะที่สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯระบุว่า เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่ากลุ่มชาวอเมริกันผู้สนับสนุนนักการเมืองกว่า 570 คน ที่ถูกตั้งข้อหาหลังร่วมบุกแคปปิตอล ฮิลล์ อาจลงเอยได้รับโทษแบบเดียวกัน.