รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว เตรียมคลายล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ตั้งแต่สัปดาห์หน้า

ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ประกาศเตรียมคลายล็อกดาวน์ลงในบางพื้นที่เริ่มมีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 16 คน ในจำนวนนี้ 13 คนอยู่ในสถานที่กักตัวอยู่แล้ว ลดลงจากเมื่อวันศุกร์ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35 ราย ซึ่งเป็นยอดติดเชื้อรายวันที่สูงสุดของรัฐในปีนี้ ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีมีผู้ติดเชื้อ 31 ราย

นางเกลดีส เบเรจิเคลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า แม้ตัวเลขที่ออกมาจะลดลงอย่างน่าพอใจ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ตัวเลขอาจจะเด้งกลับมาสูงใหม่ได้ ดังนั้นในอีก 2-3 วันข้างหน้าจึงเป็นช่วงที่สำคัญที่ต้องจับตา
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถบริหารจัดการการระบาดของโควิด-19 ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากมีการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด มีการติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย รวมทั้งเคร่งครัดกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังพบการติดเชื้อกลายพันธุ์เดลตาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ 3 รัฐต้องสั่งล็อกดาวน์พื้นที่เพื่อคุมการระบาดทันที

...

ซิดนีย์ ซึ่งเป็นนครใหญ่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีประชากรรวม 25 ล้านคน นับเป็นพื้นที่ที่ถูกเชื้อกลายพันธุ์เดลตาโจมตีหนักที่สุด โดยพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ส่วนในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ สถานการณ์การระบาดก็ดีขึ้นเช่นกัน โดยพบผู้ป่วยใหม่ในพื้นที่เพียง 1 รายหลังอยู่ในภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาแล้วเกือบ 1 สัปดาห์

ขณะที่เมืองเพิร์ท ในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ได้ยุติมาตรการล็อกดาวน์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มอื่นๆ ไปจนถึงวันอังคารนี้ เช่นเดียวกับเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มานานเกือบสัปดาห์แล้ว หลังจากล็อกดาวน์พื้นที่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา.