เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งยา และเครื่องมือแพทย์ ได้บรรลุข้อตกลงมูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีที่ถูกฟ้องฐานเป็นส่วนที่ทำให้เกิดวิกฤติการเสพติดสารโอปิออยด์ในกลุ่มยาแก้ปวดของบริษัท

ในส่วนหนึ่งของข้อตกลงได้ห้ามจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไม่ให้ส่งเสริมโอปิออยด์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ห้ามไม่ให้มีการล็อบบี้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวในระดับรัฐบาลกลาง หรือท้องถิ่น และให้ แก้ไขข้อกล่าวอ้างเรื่องสรรพคุณยา แก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ รวมทั้งให้ สัญญาว่าจะออกจากธุรกิจยากลุ่มนี้ไปตลอด ไม่เพียงแต่ในนิวยอร์ก แต่ทั่วทั้งประเทศ แม้ว่าจะบริษัทจะยืนยันว่าไม่ได้ทำการตลาดเกี่ยวกับสินค้ากลุ่มนี้ในสหรัฐฯมาตั้งแต่ปี 2558 และยุติการดำเนินธุรกิจโดยสมบูรณ์เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐ เมือง และเขตต่างๆ ฟ้องร้องบริษัทยารายใหญ่หลายบริษัท กรณีวิกฤติการเสพติดโอปิออยด์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดไปมากถึงเกือบ 500,000 คน ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั่วสหรัฐฯ กล่าวหาบริษัทยาและผู้จัดจำหน่ายว่าส่งเสริมการสั่งยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์เกินระดับที่จำเป็นทางการแพทย์ กระตุ้นให้ผู้ใช้ติดยาจนต้องขวนขวายหายาเหล่านี้ รวมไปถึงเฮโรอีน หรือแม้แต่ผลิตเฟนทานิลอย่างถูกกฎหมายก็ตาม ในขณะที่บริษัทโต้ว่าได้กระจายผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางการแพทย์

ด้าน จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แถลงว่าข้อตกลงในคดีที่นิวยอร์ก “ไม่ใช่การยอมรับความรับผิดหรือเป็นการกระทำผิดโดยบริษัท” ระบุการกระทำของบริษัทด้านการตลาดและการส่งเสริมยาแก้ปวดกลุ่มนี้เหมาะสมและมีความรับผิดชอบ และยืนยันจะสู้คดีต่างๆที่ยังมีอยู่ต่อไป ขณะที่อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า รัฐจะให้ความสำคัญกับการ ตั้งกองทุนเพื่อการป้องกัน การรักษา และการศึกษาเกี่ยวกับโอปิออยด์ เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต ส่วนประชาชนทั่วไปก่อนใช้ยาก็ควรต้องศึกษาให้ดีและใช้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ปลอดภัยและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด.

...

อมรดา พงศ์อุทัย