ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โลกเจอการระบาดของไวรัสโคโรนาหลายสายพันธ์ุ ทั้ง ซาร์, เมอร์ส และโควิด-19 แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์พบว่าไวรัสโคโรนาเคยระบาดในเอเชียเมื่อกว่า 20,000 ปีก่อนด้วย

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 2564 นักวิจัยจากออสเตรเลียและสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์ ‘Current Biology’ ระบุว่า พวกเขาพบหลักฐานว่าเคยมีการระบาดของไวรัสโคโรนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกมาเมื่อกว่า 20,000 ปีก่อน

ในผลการศึกษาดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาวิจัยจีโนมของมนุษย์มากกว่า 2,500 คนจากประชากร 26 กลุ่มทั่วโลก และสามารถตีกรอบช่วงเวลาแรกสุดที่มนุษย์เคยมีปฏิสัมพันธ์ุกับจีโนมของไวรัสโคโรนา ซึ่งทิ้งร่องรอยทางพันธุกรรมเอาไว้ในดีเอ็นเอของมนุษย์ยุคปัจจุบันที่อาศัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

นายยาสซีน โซอิลมี ผู้เขียนรายงานฉบับนี้กล่าวว่า จีโนมที่นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษา มีข้อมูลการวิวัฒนาการของมนุษย์ย้อนไปหลายแสนปี โดยไวรัสโคโรนาเมื่อเข้าไปในร่างของคน มันจะยึดเซลล์แล้วสร้างร่างก๊อบปี้ของตัวเองขึ้นมา ซึ่งการทำเช่นนี้จะทิ้งร่องรอย ที่ตอนนี้มนุษย์สามารถตรวจสอบได้แล้วเอาไว้ เป็นหลักฐานสำคัญว่า ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของเราก็เผยสัมผัส และปรับตัวเข้ากับไวรัสโคโรนา

นักวิทยาศาสตร์พบสัญญาณทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาในประชากร 5 กลุ่มซึ่งอาศัยอยู่ที่ จีน, ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยการระบาดแพร่กระจายไปไกลกว่าประเทศเหล่านี้ แต่ภูมิภาคอื่นๆ มีข้อมูลไม่เพียงพอ จึงไม่มีทางที่จะรู้ขอบเขตทั้งหมดได้

...

แต่สำหรับประชากรทั้ง 5 กลุ่ม นักวิจัยพบว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด เกิดการกลายพันธ์ุทางพันธุกรรมที่เป็นประโยชน์ ซึ่งช่วยปกป้องพวกเขาจากไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อ 20,000 ปีก่อน เกิดขึ้นแยกเป็นเอกเทศในแต่ละภูมิภาค และแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกในฐานการระบาดครั้งใหญ่ แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ว่า คนโบราณเอาตัวรอดจากยุคการระบาดอย่างไร และไม่ทราบแน่ชัดด้วยว่า การระบาดเกิดขึ้นเป็นฤดูกาลเหมือนไข้หวัดใหญ่ หรือเกิดอย่างต่อเนื่องเหมือนโควิด-19