การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกที่เรียกกันว่า G 7 (Group of Seven) มี 7 ประเทศ สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ที่ประเทศอังกฤษสัปดาห์ก่อน ได้ประกาศยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลก ภายใต้ชื่อ Build Back Better World (B3W) “การสร้างโลกที่ดีกว่าให้กลับคืนมา” โดยมี สหรัฐฯ อังกฤษ เป็นแกนนำ แผนของยุทธศาสตร์นี้ก็คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางทั่วโลก เพื่อเป็น “ทางเลือกใหม่” แข่งกับยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” Belt and Road Initiative (BRI) หรือ “เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21” ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นเส้นทางคมนาคม ถนน ทางรถไฟ และ ท่าเรือ ใน เอเชีย ยุโรป และ แอฟริกา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2556
ผมขอเรียก ยุทธศาสตร์ Build Back Better World ของกลุ่มจี 7 ว่า “เส้นทางสายไหมใหม่อเมริกา” ก็แล้วกันนะครับ เพราะเป้าหมายของสหรัฐฯ คือแข่งกับยุทธศาสตร์ “เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21” ของจีนโดยตรง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มเสนอยุทธศาสตร์นี้ต่อที่ประชุมผู้นำจี 7 เป็นการต่อยอดจาก ยุทธศาสตร์ Build Back Better ของ ประธานาธิบดีไบเดน ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯใหม่หมด ด้วยเงินลงทุนกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 142 ล้านล้านบาทใน 10 ปีข้างหน้า ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาอยากผลักดันโครงการ B3W ให้เป็น “ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า” ของประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง นอกเหนือจาก “เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21”
...
ผู้นำสหรัฐฯได้ตำหนิ “เส้นทางสายไหมใหม่จีน” ว่าเป็นหลุมพรางเพื่อสร้าง “กับดักหนี้ทางการทูต” Debt Trap Diplomacy โดยจีนปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศยากจนเพื่อสร้างถนน รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ ซึ่งสร้างภาระหนี้ให้กับประเทศเหล่านี้ ในที่สุดประเทศยากจนเหล่านั้นก็ไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ ตัวอย่างก็มี เช่น ท่าเรือศรีลังกา ที่สร้างหนี้ถึง 80% ของจีดีพี ล่าสุดที่กำลังจะเปิดให้บริการในต้นเดือนธันวาคม 2564 นี้ก็คือ รถไฟความเร็วสูงลาว–จีน จาก เวียงจันทน์ ถึง คุนหมิง มูลค่าลงทุน 6,800 ล้านดอลลาร์ กว่า 214,000 ล้านบาท ราว 70% ของจีดีพีลาว ไม่รู้อีกกี่สิบปีโครงการนี้จึงจะคืนทุนและลาวจะใช้หนี้เงินกู้หมด
ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ข้อมูล B3W ว่า ประธานาธิบดีไบเดน และ ผู้นำจี 7 เห็นพ้องต้องกันใน ความคิดริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของโลก Build Back Better World Initiative (B3W) ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า มีมาตรฐานสูง และโปร่งใสในหุ้นส่วนโครงสร้างพื้นฐาน นำโดยประเทศประชาธิปไตยเสรี เพื่อช่วยเหลือประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ซึ่งมีความต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกมูลค่ากว่า 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ยุทธศาสตร์ B3W จะครอบคลุมประเทศทั่วโลก จาก ละตินอเมริกา ถึง แอฟริกา และ อินโดแปซิฟิก สหรัฐฯจะระดมสรรพเครื่องมือทางการเงินในสหรัฐฯ สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ยุทธศาสตร์ B3W จะสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของสหรัฐฯ ในต่างประเทศกลับมาใหม่ เพื่อให้โลกรู้ว่า “อเมริกากลับมาแล้ว” หลังจากที่อเมริกายุค โดนัลด์ ทรัมป์ โดดเดี่ยวตัวเองจากโลกไป 4 ปี
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือ เส้นทางสายไหมใหม่อเมริกา และ กลุ่มจี 7 จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นกี่แสนล้านเหรียญ เพราะ เส้นทางสายไหมใหม่จีน มีทั้ง กองทุนเส้นทางสายไหม และ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย ที่มีชาติพันธมิตรร่วมลงทุน เวลานี้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านเหรียญ ทำให้จีนเป็น “เจ้าหนี้ใหญ่” ตลอดเส้นทาง Belt and Road แล้วจะมีประเทศยากจนประเทศไหนกล้าไปก่อหนี้กับสหรัฐฯ อีก?
“ลม เปลี่ยนทิศ”