สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศจากกว่า 40 ประเทศ เข้าร่วมในการประชุม IEA-COP26 Net Zero Summit ซึ่งเป็นการประชุมสุดยอดว่าด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จัดโดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ และที่ประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26

เพื่อหาแนวทางร่วมกันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายในความตกลงปารีส โดยมีผู้แทนระดับสูงจากกระทรวงพลังงานและสภาพภูมิอากาศจากประเทศต่างๆมารวมตัวกัน อาทิ ออสเตรเลีย บราซิล จีน สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และอื่นๆ รวมทั้งไทย นอกจากนี้ ยังมีภาคประชาสังคมภาคเอกชน และหน่วยงานรัฐบาลหลากหลายภาคส่วนร่วมการหารือด้วย

การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญไปสู่การประชุม COP26 เมืองกลาสโกว์ เดือน พ.ย.นี้ โดยมีตัวแทนจากหลายประเทศเข้าร่วม “ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนทศวรรษแห่งการคิดวางแผนไปสู่การลงมือทำจริง สหราชอาณาจักรขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆรับรองนโยบายหลักขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ เพื่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และร่วมกันบรรลุเป้าหมายจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส” นายอล็อค ชาร์มา ประธานการประชุม COP26 กล่าว

ซึ่งหลายประเทศสมาชิกรับรองนโยบายหลัก ที่เสนอโดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ในที่ประชุมสุดยอด โดยนโยบายครอบคลุมถึงประเด็นสำคัญ อย่างความจำเป็นของการฟื้นฟูที่ยั่งยืนจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ความสำคัญของการมีแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ปฏิบัติได้จริงในทศวรรษนี้ และการพัฒนากลไกการประสานงานระดับนานาชาติที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อเร่งให้เกิดนวัตกรรมและการนำไปใช้ร่วมกันในภาคธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงของโลก ไปจนถึงความร่วมมือทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนผ่านที่คำนึงถึงคนเป็นหลัก

...

และเพื่อสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการของภาครัฐ ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ จะเผยแพร่ “โรดแม็ป” โดยละเอียด “ฉบับแรก” สำหรับภาคพลังงานในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เอกสารนี้จะกำหนดแนวทางที่ภาครัฐ เอกชน นักลงทุน และพลเมืองต้องร่วมมือกันเพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกให้สอดคล้องกับการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลต่างๆจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการเร่งด่วนได้ก่อนถึงการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ในปลายปี.