• ชาวอเมริกันติดตามคดีจอร์จ ฟลอยด์ ถูกตร.ใช้เข่ากดซอกคอจนสิ้นใจระหว่างการถูกจับกุม เมื่อศาลเมืองมินนิแอโพลิสนัดสืบพยานพิจารณาคดีตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 
  • ตามรายงานผลการศึกษา พบชายผิวสี และวัยรุ่นผิวสีในสหรัฐฯ ถึง ประมาณ 1 ใน 1,000 คนถูกฆ่าตายโดยตำรวจระหว่างการเผชิญหน้ากัน เผยอดีตตำรวจเดเร็ค เชาวิน เคยใช้ความรุนแรงมาก่อน
  • ‘ชีวิตคนผิวสีก็มีความหมาย’ ลุ้นการตัดสินคดีของคณะลูกขุน ขณะที่ทนายความฝ่ายจำเลยแย้งการที่ตำรวจใช้กำลังจับกุมฟลอยด์ ถือว่าเหมาะสมมีเหตุผล 

“Say his name’ และ ‘I can’t Breath’ กลายเป็นถ้อยวลีที่ชาวอเมริกันพร้อมใจกันเปล่งเสียงทั่วทั้งประเทศเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันผิวสี วัย 46 ปี ที่เสียชีวิต ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ด้วยการใช้เข่ากดซอกคอนานถึง 8 นาที 6 วินาที จนหมดสติและเสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจ ที่เมืองมินนิแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อ 25 พ.ค.2563

เวลาผ่านมาเกือบปี กระบวนการพิจารณคดีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ได้กลับมาสู่ความสนใจของชาวอเมริกันและชาวโลกอีกครั้ง เมื่อถึงวันนัดสืบพยานต่อคณะลูกขุนของศาลในเมืองมินนิแอโพลิส ในคดีที่นายเดเร็ค เชาวิน นายตำรวจ ผิวขาว อายุ 45 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง 3 ข้อหาฆ่า จอร์จ ฟลอยด์ ได้แก่ 1. ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา 2. ฆ่าคนตายโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า และ 3. ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วยความประมาท

...

นายเชาวิน อดีตนายตำรวจ คือผู้ใช้เข่ากดซอกคอของฟลอยด์ นานถึง 8 นาที 6 วินาที ในสภาพที่ฟลอยด์ถูกสวมกุญแจมือ ใบหน้าแนบพื้น และเขาได้พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามวิงวอนร้องขอชีวิตว่า ‘I can’t Breath’ (หายใจไม่ออก) ก่อนจะหมดสติแน่นิ่ง และเสียชีวิตในที่สุด

ภาพจากกล้องวงจรปิดและคลิปวิดีโอนาทีเลวร้ายที่เกิดกับฟลอยด์กระทั่งจบชีวิต ได้ถูกแชร์ส่งต่อบนโลกออนไลน์จนกลายเป็นคลิปไวรัล จุดชนวนให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนทั่วทั้งประเทศลุกฮือออกมาประท้วงต่อต้านตำรวจในสหรัฐฯ ที่ใช้ความรุนแรง และมีความเหยียดผิว 


มีบรรดาผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สาเหตุเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้ตำรวจในสหรัฐฯ ได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนผิวสี มานับครั้งไม่ถ้วน

 

ตำรวจใช้ความรุนแรง คือหนึ่งในสาเหตุลำดับต้นๆ การสิ้นชีพของชายผิวดำในสหรัฐฯ


ตามรายงานของการเกิดเหตุเผชิญหน้าที่ร้ายแรง ‘Fatal Encouter’ ระบุว่า นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2000 ตำรวจในสหรัฐฯ ได้สังหารประชาชนเสียชีวิตระหว่างการเผชิญหน้าที่ร้ายแรง ถึง 1,000-2,000 รายต่อปี โดยจากข้อมูลการศึกษาที่เขียนโดย แฟรงค์ เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้เชี่ยวชาญที่ Rutgers School of Criminal Justice ในเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ระบุว่า เหยื่อที่เสียชีวิตอย่างไม่เป็นสัดส่วน ดูเหมือนเป็นคนดำ เป็นผู้ชาย และเป็นวัยรุ่น

เมื่อปี 2019 แฟรงค์ เอ็ดเวิร์ดส์ และผู้ร่วมเขียนรายงานได้วิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตจากการเผชิญหน้าที่ร้ายแรงเพื่อประเมินถึงความเสี่ยงของการเสียชีวิตในน้ำมือตำรวจ แตกต่างในเรื่องอายุ เพศ และสีผิว หรือเชื้อชาติ

การใช้ความรุนแรงของตำรวจขณะเผชิญหน้ากับผู้ต้องสงสัย เป็นสาเหตุสำคัญลำดับที่ 6 ของการเสียชีวิตของเยาวชนในสหรัฐฯ ในปี 2019 รองลงมาจากสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ การฆ่าตัวตาย การถูกฆาตกรรม หัวใจล้มเหลว และโรคมะเร็ง

ที่สำคัญ คือ ความเสี่ยงของเยาวชนที่จะเสียชีวิตขณะเผชิญหน้ากับตำรวจ ได้แก่เยาวชนที่มีผิวสี โดยเฉพาะเยาวชนผิวดำ

‘ชายผิวสี และวัยรุ่นผิวสี ประมาณ 1 ใน 1,000 คนถูกฆ่าตายโดยตำรวจ’ ตามรายงานการศึกษาของเอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งแตกตางจากสัดส่วนของชายอเมริกันที่ถูกฆ่าตายโดยตำรวจอยู่ที่ 0.52 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับชายและเยาวชนผิวดำในสหรัฐฯ

ภาพเหตุการณ์ขณะเดเร็ค เชาวิน ใช้เข่ากดบริวณซอกคอของจอร์จ ฟลอยด์ ระหว่างการจับกุม เมื่อ 25 พ.ค.63
ภาพเหตุการณ์ขณะเดเร็ค เชาวิน ใช้เข่ากดบริวณซอกคอของจอร์จ ฟลอยด์ ระหว่างการจับกุม เมื่อ 25 พ.ค.63

...

นายเดเร็ค เชาวิน อดีตตำรวจถูกตั้ง 3 ข้อหาฆ่าจอร์จ ฟลอยด์
นายเดเร็ค เชาวิน อดีตตำรวจถูกตั้ง 3 ข้อหาฆ่าจอร์จ ฟลอยด์

เดเร็ค เชาวิน เคยมีประวัติใช้ความรุนแรง

เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนมากที่สังหารพลเรือนมีประวัติที่เคยใช้ความรุนแรงกับผู้ต้องสงสัย และมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งเดเร็ค เชาวิน อดีตนายตำรวจ ผู้ต้องหาในคดีการตายของจอร์จ ฟลอยด์ด้วย

มีบทความเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงของตำรวจ หลังการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ เขียนโดย จิล แม็คคอร์เกล นักวิชาการด้านคดีอาญาในสหรัฐฯ ระบุว่า เดเร็ค เชาวิน ได้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมอย่างน้อย 18 ครั้งจนถูกร้องเรียน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิงปืนอีก 2 ครั้งด้วย

เมื่อปี 2006 นายเชาวิน เป็นหนึ่งใน 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับรถไล่ตามจับกุมนาย เวนน์ เรเยส ที่ขับรถหลบหนี หลังตำรวจในเมืองมินนิแอโพลิสได้รับแจ้งเหตุมีการแทงกันที่หน้าร้ายขายยา จนต่อมา นายเรเยสถูกอ้างว่า ได้ลงจากรถพร้อมอาวุธปืน ทำให้เขาถูกตำรวจยิงจนเสียชีวิต และผลการชันสูตรศพพบว่านายเรเยสได้ถูกยิงถึง 23 นัด ทว่าคณะลูกขุนไม่ได้ตัดสินเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดมีความผิด

...

คอร์ทนีย์ รอสส์ แฟนสาวของจอร์จ ฟลอยด์ ร่ำไห้ขณะให้การต่อศาล ในวันที่ 4 ของการพิจารณคดีที่เมืองมินิแอโพลิส เมื่อ 1 เม.ย. 64
คอร์ทนีย์ รอสส์ แฟนสาวของจอร์จ ฟลอยด์ ร่ำไห้ขณะให้การต่อศาล ในวันที่ 4 ของการพิจารณคดีที่เมืองมินิแอโพลิส เมื่อ 1 เม.ย. 64


ลุ้นคำตัดสินคดีจอร์จ ฟลอยด์

สำหรับคดีจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต ซึ่งมีการนัดสืบพยานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์แรก กำลังเป็นคดีที่ชาวอเมริกันติดตามด้วยความสนใจ ว่านายเชาวินจะถูกคณะลูกขุนตัดสินคดีออกมาเป็นเช่นใด หลังจากเกิดเหตุ นายเชาวิน ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจที่เขาทำงานอยู่ที่สำนักงานตำรวจเมืองมินนิแอโพลิสมานานนับ 18 ปี

นายเชาวินได้ถูกควบคุมตัวดำเนินคดี 3 ข้อหาฆ่าจอร์จ ฟลอยด์ จากนั้น ในเดือนตุลาคม 2563 ศาลได้อนุญาตให้นายเชาวินได้รับการประกันตัว ด้วยการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเงิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 30 ล้านบาท

...

สำหรับคณะลูกขุน 14 คนในคดีนี้ ประกอบด้วยผู้หญิง 9 คน และผู้ชาย 5 คน โดยในจำนวนลูกขุน 14 คน เป็นหญิงผิวขาว 6 คน ชายผิวสี 3 คน หญิงเชื้อชาติอื่น 2 คน ชายผิวขาว 2 คน และหญิงผิวสี 1 คน

นายเดเร็ค เชาวิน (ขวา) และเอริค เนลสัน ทนายความของนายเชาวิน ที่ศาลเมืองมินนิแอโพลิส เมื่อ 1เม.ย.64
นายเดเร็ค เชาวิน (ขวา) และเอริค เนลสัน ทนายความของนายเชาวิน ที่ศาลเมืองมินนิแอโพลิส เมื่อ 1เม.ย.64

ในช่วงสัปดาห์แรกของการนัดสืบพยาน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 29 มีนาคม มีทั้งทีมแพทย์ฉุกเฉิน คนเห็นเหตุการณ์ และแฟนสาวของฟลอยด์ อยู่ในจำนวนพยานที่มาให้การต่อคณะลูกขุน โดยอัยการ เจอร์รีย์ แบล็คเวลล์ ได้กล่าวเปิดคดีว่า นายเชาวิน ‘เป็นผู้ทรยศต่อตราสัญลักษณ์ตำรวจของเขาเอง’ และกล่าวหาเชาวินว่า ใช้กำลังเกินกว่าเหตุและไม่สมเหตุสมผล

ขณะที่ทีมทนายของฝ่ายจำเลย โต้แย้งถึงสาเหตุที่ทำให้ฟลอยด์เสียชีวิตว่า เนื่องจากเขาใช้ยาเกินขนาด และมีสุขภาพไม่ดี ซึ่งการใช้กำลังในการจับกุมฟลอยด์ถือว่ามีความเหมาะสม

คณะลูกขุนในศาลได้มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่ฟลอยด์อยู่ในร้านขายของชำ ‘Cup Foods’ ในเมืองมินนิแอโพลิส ซึ่งเขาถูกพนักงานขายกล่าวหาว่าใช้ธนบัตรปลอมใบละ 20 ดอลลาร์มาซื้อบุหรี่ จนโทร.แจ้งตำรวจให้มาจับกุม

คริสโตเฟอร์ มาร์ติน พนักงานในร้านขายของชำแห่งนี้ ให้การว่า ฟลอยด์ดูเหมือนไม่รู้ว่าธนบัตรที่เขานำมาซื้อบุหรี่เป็นธนบัตรปลอม เขาได้มองดูฟลอยด์ถูกตำรวจจับกุม “ด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้สึกผิด”

ส่วนทีมแพทย์ฉุกเฉินสองคนที่มายังที่เกิดเหตุกับรถพยาบาล ให้การว่าเมื่อมาถึง “คลำชีพจรของฟลอยด์ไม่เจอและเขาไม่หายใจแล้ว..”


‘ชีวิตคนผิวสีก็มีความหมาย’ #Blacklivesmatter คือสโลแกนที่ชาวอเมริกันใช้ในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับฟลอยด์ และกำลังติดตามการตัดสินคดีนี้ ด้วยความรู้สึกต่อต้านโกรธแค้นตำรวจที่เกาะกุมในใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์

ที่มา : BBCtheconversation, CNN

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง