หลายเมืองทั่วโลกร่วมกันทำกิจกรรมดับไฟ เมื่อ 27 มี.ค. เนื่องในวัน Earth Hour ปิดไฟเพื่อโลก ทั้งตามสถานที่สำคัญของเมืองกรุงของแต่ละประเทศซึ่งกิจกรรมในปีนี้ให้ความสำคัญที่สัมพันธ์กันระหว่างการทำลายธรรมชาติกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเพิ่มขึ้นเช่นโควิด-19 เพราะผู้ชำนาญการเชื่อว่ากิจกรรมของมนุษย์ทั้งการตัดไม้ทำลายป่าเป็นวงกว้าง การทำลายวิถีชีวิตของสัตว์และสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงโลกล้วนเป็นเหตุให้เกิดขึ้น พร้อมเตือนว่าจะมีการแพร่ระบาดอีกหากไม่ลงมือทำอะไร

ขณะเดียวกันเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ทรงเผยถึงแผนริเริ่ม “ซาอุฯ กรีน” รณรงค์แก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยครึ่งหนึ่งของพลังงานจะใช้พลังงานทดแทนให้ได้ภายในปี 2573 จากที่เป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกและยังทรงมีแผนที่จะปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้นในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ทั้งยังจะทรงร่วมกับกลุ่มประเทศอาหรับอื่นตามแผนริเริ่ม “ตะวันออกกลาง กรีน” ปลูกต้นไม้อีก 40,000 ล้านต้น ด้วยซาอุฯและในภูมิภาคอาหรับกำลังเผชิญภาวะโลกร้อนครั้งใหญ่ รวมถึงภาวะการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน ทุกปีที่เกิดพายุทะเลทราย สร้างความเสียหายราว 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งมลภาวะจากก๊าซเรือนกระจกก็ทำให้เฉลี่ยอายุขัยของชาวซาอุฯลดลง1.5ปี.