แรงเทขายกลุ่มเทคโนโลยีฉุดหุ้นแนสแด็กลงจนต้องปรับฐาน ส่วนราคาน้ำมันดิบลดลงครั้งแรกในรอบ 4 วัน ขณะที่ทองคำดิ่งสู่ค่าต่ำสุดในรอบเกือบ 11 เดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 8 มี.ค. 2564 แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 306.14 จุด หรือราว 0.97% ปิดที่ 31,802.44 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 20.59 จุด หรือราว 0.54% ปิดที่ 3,821.35 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลงถึง 310.99 จุด หรือ 2.41% ปิดที่ 12,609.16 จุด
ในวันจันทร์ หุ้นบริษัทกลุ่มการเงิน, ร้านอาหาร และการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นจากความคาดหวังว่า กลุ่มเหล่านี้จะทำผลงานได้ดีเมื่อมีการเปิดเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถชดเชยแรงเทขายของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีอิทธิพลต่อวอลล์สตรีทมาตลอดได้ ส่งผลให้ตอนนี้ แนสแด็ก ลดลงจากจุดสูงสุดเมื่อ 12 ก.พ. ถึง 10.6% แล้ว ซึ่งถือว่าเข้าสู่ภาวะปรับฐาน
ขณะเดียวกัน การผ่านแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19 ก้อนใหม่ของวุฒิสภาสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนว่า การใช้จ่ายจำนวนมากของรัฐบาลและการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น, ส่งให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะเวลา 10 ปี ขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี และถ่วงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ด้านราคาน้ำมันดิบ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน หลังเกิดเหตุโจมตีที่โรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทำให้สัญญาน้ำมันดิบ เบรนต์ พุ่งทะลุ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ซาอุดีอาระเบียออกมายืนยันว่า ท่าส่งออกนำมันขนาดใหญ่ที่สุดของพวกเขาที่เมือง ราส ทานูรา ไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีที่เกิดขึ้น
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6% ไปอยู่ที่ 65.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.6% ไปอยู่ที่ 68.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
...
ส่วนราคาทองคำ ลดลงในวันจันทร์ เพราะความต้องการทรัพย์สินปลอดภัยลดลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ราว 1.6% โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 20.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.2% ปิดที่ 1,678.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
ที่มา: reuters, marketwatch