นายหยาง เจี๋ยฉือ นักการทูตอาวุโสของจีน เตือนไม่ให้สหรัฐฯล้ำเส้น จากการเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กดดันจีนในเรื่องสิทธิมนุษยชน
หยาง อดีต รมว. ต่างประเทศ สมาชิกโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์กล่าวในการประชุมทางไกลกับคณะกรรมการความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ว่าทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างความสัมพันธ์และร่วมมือกันใหม่หลังการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สหรัฐฯต้องรับผิดชอบในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เสียหายจากนโยบายที่ผิดพลาดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยหวังว่าสหรัฐฯจะก้าวข้ามความคิดที่ล้าสมัยของการแข่งขันที่มีผู้แพ้-ผู้ชนะ หันมาทำงานร่วมกับจีนเพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างถูกต้อง พร้อมเรียกร้องให้หยุดคุกคามนักศึกษาจีน การจำกัดสื่อจีน การปิดศูนย์วัฒนธรรมสถาบันขงจื่อตามมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และระงับบริษัทจีน นอกจากนี้ยังกล่าวว่ากิจการภายในฮ่องกง ทิเบตและซินเจียงเป็น “เรื่องภายในที่ห้ามล้ำเส้น”
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกคนสุดท้ายที่แสดงความยินดีกับไบเดนต่อชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 3 พ.ย.และยังไม่ได้พูดคุยกันอีกหลังจากการเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตามฝ่ายบริหารรัฐบาลไบเดนได้ส่งสัญญาณที่จะกดดันจีนต่อเนื่องจากประเด็นการค้าและสิทธิมนุษยชน โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ระหว่างการปรากฏตัวทาง MSNBC ว่าสหรัฐฯควรให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่หนีการปราบปรามทางการเมืองในฮ่องกง ก่อนหน้านี้ก็เคยกล่าวว่านโยบายของจีนต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในซินเจียงเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
นักวิเคราะห์การเมืองมองว่าข้อความของหยางนั้นสอดคล้องกับมุมมองของจีนที่ว่านโยบายที่ผิดพลาดของสหรัฐฯได้รับแรงผลักดันจากความแตกแยกในสังคมอเมริกันเอง จู้ เฟิง ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยนานกิง ยังกล่าวว่าหลังจาก 4 ปีแห่งความวุ่นวายจากรัฐบาลของทรัมป์ ถึงเวลาที่ทั้ง 2 ต้องใช้เวลาและไตร่ตรองนโยบายของทรัมป์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกลายเป็นความล้มเหลว
...
หยางยังเน้นถึงโอกาสในการร่วมมือกับสหรัฐฯในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการบรรเทาการระบาดของโควิด-19 และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ด้านรัฐบาลของไบเดนให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ขณะที่ไม่กี่วันก่อน สหรัฐฯได้ยืนยันสนับสนุนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงและไต้หวัน.