วันก่อนผมเขียนถึง รถเมล์เก่า 3,000 กว่าคันของ ขสมก. ที่มี อายุคันละ 10 กว่าปีถึง 20 ปี แต่รัฐบาลก็ยังปล่อยให้วิ่ง ปล่อยควันพิษ ฝุ่นพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปทั่วกรุงเทพมหานคร จนเกิดฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 พีเอ็ม 10 ปกคลุมทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งเหลือเชื่อในรัฐบาลไทยก็คือ โครงการซื้อรถเมล์ใหม่ ขสมก. 4 พันคัน ใช้เวลาจัดซื้อมากว่า 13 ปีแล้ว จนบัดนี้ก็ยังซื้อไม่ได้ เพราะ การทุจริตคอร์รัปชัน กลายเป็นมหากาพย์ที่ไม่มีบทจบ งานง่ายๆแค่นี้ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอำนาจมากมาย ก็ไร้ปัญญาจัดการ
วันเสาร์สบายๆวันนี้ผมชวนท่านผู้อ่านไปดูการทำงานของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่วัย 78 ปี แต่กลับทำงานรวดเร็วกว่าผู้นำที่หนุ่มกว่าเยอะ กันนะครับ
ทันทีที่เข้าทำเนียบขาว ประธานาธิบดีไบเดน ก็ลงนามในคำสั่งบริหาร Buy America บังคับให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯทุกแห่ง ต้องจัดซื้อสินค้าที่ผลิตในอเมริกา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รัฐบาลกลางสหรัฐฯใช้เงินปีละ 600,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 18 ล้านล้านบาทในการจัดซื้อทุกปี คำสั่งนี้ยังกำหนดให้ส่วนประกอบของสินค้าส่วนใหญ่ต้องมาจากโรงงานในสหรัฐฯเท่านั้น เพื่อสร้างงานใหม่ในสหรัฐฯ และช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐฯไปในตัว คำสั่งเดียวได้ผลหลายต่อ ไบเดนระบุว่า สหรัฐฯไม่สามารถอยู่ในสถานะที่จะพึ่งพาต่างชาติที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในผลประโยชน์ของสหรัฐฯอีกต่อไป
แปลความก็คือ สงครามการค้าสหรัฐฯ จีน ยุโรป และชาติอื่นๆจะยังมีต่อไป
ไบเดน กล่าวว่า เขามีแผนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ของรัฐบาลกลางที่มีอยู่ 650,000 คัน ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในสหรัฐฯทั้งหมด โดยใช้เงินกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ราว 600,000 กว่าล้านบาท เพื่อสนับสนุน “พลังงานสะอาด” จะมี นโยบายภาษีเพื่อจูงใจให้ชาวอเมริกันหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า และ เพิ่มสถานีชาร์จไฟทั่วสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าให้สหรัฐฯ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็น “0” ภายในปี 2035
...
ปัจจุบันสหรัฐฯมีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 4 บริษัทคือ เทสลา, จีเอ็ม, นิสสัน และ ฟอร์ด บริษัทอื่นส่วนใหญ่ผลิตรถยนต์ไฮบริด ตามแผนของ ไบเดน จะเปลี่ยนทั้ง รถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์ทหาร รถยนต์ไปรษณีย์ ของรัฐบาลให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะสร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ถึง 1 ล้านตำแหน่ง รถยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลจะซื้อ ต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกา 100% จากปัจจุบันที่ใช้ชิ้นส่วนในอเมริกาขั้นตํ่า 50%
นโยบายใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน แม้ล้าหลังจีนไปหลายปี ก็ยังดีกว่าไม่มา เพราะการจูงใจให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะต้องสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าก่อน ไล่ตั้งแต่ การจูงใจด้วยการลดภาษีซื้อ สร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging station) จุดชาร์จไฟ (charging pile) ไปจนถึงการสนับสนุน โรงงานผลิตแบตเตอรี่ ลิเทียมไอออน วันนี้แบตเตอร่ีลิเทียมไอออนของจีนครองอันดับ 1 ในโลก มีส่วนแบ่งตลาดถึง 61% ของโลก ปี 2562 จีนขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 1.2 ล้านคัน โดยรัฐบาลสนับสนุนยกเว้นภาษีซื้อ
ประเทศที่ก้าวหน้าด้านรถยนต์ไฟฟ้าอีกประเทศหนึ่งที่น่าเซอร์ไพรส์คือ เวียดนาม สัปดาห์ที่แล้ว เวียดนาม เปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า Made in Vietnam ยี่ห้อ VinFast ทีเดียว 3 รุ่นคือ VF31 VF32 และ VF33 ที่มีระบบขับขี่ด้วยตัวเอง มีระบบจอดรถอัตโนมัติโดยหาจุดจอดด้วยตัวเอง และผู้ขับสามารถเรียกรถให้มาหาได้ ต้องยกนิ้วให้เวียดนามว่าสุดยอดจริงๆ
ขณะที่ ประเทศไทย ที่รักของเรา ชอบคุยโตเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” เพราะผลิตรถยนต์ได้ปีละกว่า 2 ล้านคัน แต่กลับไม่มีรถยนต์ยี่ห้อ Made in Thailand แม้แต่ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลิตได้ง่าย มีชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้น แทนที่รัฐบาลจะส่งเสริมให้ผลิตในประเทศทั้งหมด กลับส่งเสริมให้นำเข้าจากจีน โดยไม่เสียภาษีนำเข้าสักบาท แล้วคนไทยจะไปสู้ใครในโลกได้ละครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”