มองเผินๆเหมือนกับสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส และมีความปลอดภัย แต่ถ้าค้นคว้าลงไปในรายละเอียดจะพบว่าในแผ่นดินนี้ยังมีการรังควานคนผิวดำและผิวสี มีการแจ้งความดำเนินคดีเป็นจำนวนมากมายหลายคดีในแต่ละปี ผมมีข้อมูลย้อนหลังกลับไปจนถึง พ.ศ.2538 สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอรายงานถึงอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ มีมากถึง 8 พันคดีใน พ.ศ.2538 ในจำนวนนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการรังควานคนผิวดำมากถึง 3 พันคดี

สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีการลงนามในกฎหมายแมตทิว เชเพิร์ต ขยายขอบข่ายของการคุ้มครองประชาชนจากอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ ที่แต่เดิมเป็นความชิงชังที่เกิดจากการต่อต้านคนต่างผิว ต่อต้านชาวยิว ต่อต้านชาวอเมริกันเชื้อสายสเปน ต่อต้านชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย โดยเพิ่มสาเหตุการก่ออาชญากรรมอีก 4 อย่าง คือ เพศ รสนิยมทางเพศอัตลักษณ์ทางเพศ และความพิการ ซึ่งรวมกับกฎหมายเดิมก็เป็นการต่อต้านทั้งหมด 10 อย่าง

45 รัฐ+ดิสตริกต์ออฟโคลอมเบียมีกฎหมายอาญาเพื่อลงโทษอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ มี 31 รัฐ+ดิสตริกต์ออฟโคลอมเบียมีกฎหมายแพ่งให้เรียกร้องค่าเสียหายจากอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ภายหลังจากการดำเนินคดีทางอาญาแล้ว และ 27 รัฐ+ดิสตริกต์ออฟโคลอมเบียมีกฎหมายบังคับให้รัฐเก็บสถิติของอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่

อาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่เป็นเรื่องน่ากลัว เกิดกับประเทศใด ประเทศนั้นก็จะมีความแตกแยกสูง อาชญากรรมประเภทนี้เกิดจากอคติล้วนๆ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือโกรธเคืองกันมาก่อน ใครที่อยู่ในกลุ่มที่มีผิวพรรณ เพศ อายุ ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ หรืออยู่ในกลุ่มการเมืองและมีความเชื่อเรื่องการเมืองแตกต่างจากผู้ทำร้ายก็โดนเล่นงานได้

...

ยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีอาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่เกิดเพิ่มมากขึ้นในแผ่นดินสหรัฐฯ เราจะเห็นในคลิปทางโซเชียลมีเดีย มีทั้งคลิปทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ข่มขู่ รังควาน ด่าทอ โพสต์ข้อความเหยียดหยาม เรื่องเหล่านี้พวกผิวดำและผิวสีโดนมากที่สุด ที่จริงโดนกันมาตั้งแต่ 50-60 ปีที่แล้ว เมื่อคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกัน รัฐบาลกลางสหรัฐฯเริ่มมีกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังหมู่ตั้งแต่ พ.ศ.2512 เป็นกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิพลเมืองหรือ Federal Civil Right Law

กฎหมายสิทธิพลเมืองให้อำนาจอัยการสหรัฐฯดำเนินคดีผู้ที่พยายามทำร้าย ข่มขู่ หรือขัดขวางผู้อื่นด้วยกำลังเพราะความเกลียดชังในเผ่าพันธุ์ สีผิว ศาสนา หรือเชื้อชาติในกิจกรรม 6 อย่าง คือ การเข้าโรงเรียน การบริการสาธารณะ การใช้บริการสาธารณะ การจ้างงาน การเป็นลูกขุน และการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โทษของการละเมิดกฎหมายสิทธิพลเมืองมีตั้งแต่จำคุก 1-10 ปี หากใครก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ถึงขั้นลักพาตัว การล่วงละเมิดทางเพศ หรือฆาตกรรม ก็จะมีโทษขั้นสูงสุด จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต

อาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ไม่ได้เพิ่งเกิดนะครับ จะเห็นว่าสมัยที่โรมันมีอำนาจ พวกนี้ก็ทำทารุณกรรมพวกคริสเตียน ไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน และโดยไม่ต้องรู้ว่าเป็นใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร แต่ถ้ารู้ว่าเป็นคริสเตียนก็จะถูกทำร้ายร่างกาย

ตอนที่พวกยุโรปเข้าไปรุกรานพื้นที่ในทวีปอเมริกา เจอพวกอินเดียแดงซึ่งเป็นเจ้าของแผ่นดินเดิมก็ฆ่าทันทีโดยไม่ต้องมีเรื่องกันมาก่อน แค่รู้ว่าเป็นคนท้องถิ่นก็ถูกทำร้ายได้ ส่วนพวกออตโตมันหรือตุรกีก็เคยสังหารหมู่ชาวอาร์เมเนีย อย่างพวกทาสผิวดำก็เคยถูกคนอเมริกันผิวขาวทำร้ายและฆ่า หรือพวกนาซีเยอรมันฆ่าชาวยิวด้วยก๊าซพิษ

ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ก็คือเหตุการณ์สังหารหมู่ในประเทศรวันดา หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

หมดยุคของทรัมป์ตั้งแต่ 20 มกราคม 2564 ผมมีความเชื่อว่า อาชญากรรมที่เกิดจากความชิงชังหมู่ในสหรัฐฯน่าจะลดลง.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com