สภาคองเกรสของสหรัฐฯ จัดการประชุมร่วมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่นเพื่อพิจารณาและรับรองมติของคณะผู้เลือกตั้งที่ให้นายโจ ไบเดน จากเดโมแครต เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. โดยกล่าวหาว่ามีการโกงซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีหลักฐานใดๆ
ขณะที่ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ในการประชุมร่วมกันทั้งสองสภาคือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้ทำการเปิดใบรับรองที่ปิดผนึกจากทั้ง 50 รัฐของสหรัฐฯ ซึ่งมีคะแนนโหวตจากคณะผู้เลือกตั้ง ทั้งนี้ ภายใต้ระบบของสหรัฐฯ ผู้ลงคะแนนเสียงจะลงคะแนนให้กับ “คณะผู้เลือกตั้ง” โดยจะลงคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการให้กับผู้สมัครประธานาธิบดีหลังการเลือกตั้ง ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อ 3 พ.ย. ไบเดนได้รับ 306 เสียง จากคณะผู้เลือกตั้ง ขณะที่ทรัมป์มี 232 เสียง โดยตัวแทนสองฝ่ายจากทั้งสองสภาได้อ่านผลและทำการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ
ด้านรีพับลิกันก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสิบคนและวุฒิสมาชิกกลุ่มเล็กๆ คัดค้านคะแนนจากสวิงสเตตบางรัฐ นายเท็ด ครูซ ผู้นำกลุ่มวุฒิสมาชิกประมาณ 12 ราย เรียกร้องให้ชะลอกระบวนการนี้ไปอีก 10 วัน เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง ในขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นประธานการประชุมในฐานะประธานวุฒิสภา มีหน้าที่เป็นเพียงผู้ดำเนินการประชุม แต่ผู้นำสหรัฐฯ ได้กดดันและเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยแก้ปัญหา โดยบีบให้ใช้อำนาจถอนมติของคณะผู้เลือกตั้ง
ตามกฎหมายการเลือกตั้งของสหรัฐฯ การคัดค้านโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจะต้องผ่านการอภิปราย 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงตามด้วยการลงคะแนนโหวต ด้านนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำ ส.ว.รีพับลิกัน ผู้ที่รับรองชัยชนะของไบเดนมาก่อนแล้ว ได้ขอให้รีพับลิกันคนอื่นๆ อย่าคัดค้าน โดยชี้ว่าบทบาทของวุฒิสภาในการรับรองผลการเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีการไม่ควรใช้โอกาสนี้มาอภิปรายซึ่งมีแต่จะทำให้ยืดเยื้อวุ่นวาย
...
มีผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายพันคนรวมถึงนักเคลื่อนไหวขวาจัดร่วมการประท้วงในกรุงวอชิงตันโดยเริ่มชุมนุมตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตือนผู้ชุมนุมไม่ให้พกปืน หลังจากเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ตำรวจได้จับกุม เอ็นริเก แทริโอ แกนนำของกลุ่มขวาจัด “พราวด์ บอยส์” ในข้อหาทำลายทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงครั้งก่อน ต่อมาได้รับการปล่อยตัว โดยผู้พิพากษาสั่งให้อยู่ห่างจากวอชิงตัน ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ชาติได้เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการจัดการฝูงชนและการควบคุมการจราจรโดยไม่ติดอาวุธ.