มร.จาอับ คอร์เตเวก ทายาทเกษตรกรชาวดัตช์รุ่นที่ 9 ที่เปลี่ยนรสนิยมการบริโภคเป็นมังสวิรัติ และยังเปิดร้านขายอาหารปลอดเนื้อเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆ เอาแต่หัวเราะและคิดว่าเป็นมุก

มาบัดนี้ เจ้าของผู้ก่อตั้งเปิดร้าน “The Vegetarian Butcher” ลบคำสบประมาทด้วยเสียงเย้ยหยันได้ เมื่อกิจการของตัวเองได้รับความสนใจจาก ยูนิลีเวอร์ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่อันดับ 1 ของโลก ที่ขอเข้ามาลุยต่อเมื่อปี 2561 โดยวางจุดยืนของร้านให้อยู่แกนกลางของแผนที่สามารถสร้างรายได้หอมหวนของตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือนิช มาร์เกต “เนื้อที่ไม่ใช่เนื้อ” มูลค่าปีละ 1.2 พันล้านเหรียญยูเอส

และอีก 15 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่า 100 พันล้านเหรียญยูเอส เพราะเริ่มมีคนดังระดับ เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ควักเงินลงทุนกับกิจการเนื้อเทียม “อิมพอสซิเบิล ฟู้ดส์” แม้แต่ บิลล์ เกสต์ มหาเศรษฐีใจบุญก็ขอร่วมวงหุ้นส่วน “บียอน มีต” กะเขาด้วย

คอร์เตเวก เผยว่า ความฝันเป็นจริงซะที ตัวเองโตมากับสิ่งแวดล้อมชนบท รายล้อมไปด้วยวัว-โค และรีดนมวัว ซึ่งตอนนี้ตัวเองเห็นแล้วว่า ครอบครัว พ่อแม่พี่น้องต่างมีความคิดเชิงบวกเอามากๆ เกี่ยวกับการแปลงสภาพและเปลี่ยนวิถีธุรกิจใหม่

ครั้งหนึ่ง คอร์เตเวก สารภาพว่าเป็นสายรักเนื้อ แต่ความคิดก็เปลี่ยนไปเมื่อ 20 ปีก่อน ช่วงที่เขาถูกขอให้เก็บซากหมูตายไว้ในห้องเย็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร “ซึ่งสำหรับผมแล้ว ณ ตอนนั้นคือ ต้องหยุด พอกันทีกับระบบที่กินเนื้อจากสัตว์ ทั้งที่การเลิกเนื้อไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนการเลิกบุหรี่ หรือเลิกยาเสพติด”

...

เขาเลยเปิดร้านเล็กๆ ในกรุงเฮก จ้างเชฟระดับผู้ชำนาญการสายวีแกนกับสายมังสวิรัติ ในการแปลงผลิตภัณฑ์ให้เป็นเสมือนเนื้อ ทั้งเบคอน ลูกชิ้น เคบับ เนื้อสับ “เป้าหมายของผมเป็นพ่อค้าหน้าเขียงเนื้อเทียมรายใหญ่ที่สุดในโลกให้เร็วสุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์”

ซึ่งก็น่าจะเป็นความจริงได้ไม่ยาก จากเทรนด์ของผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มถอยห่างผลิตภัณฑ์เนื้อ ด้วยเหตุผลทั้งสุขภาพและภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นเรื่องเร่งด่วน

เพราะข้อมูลวิทยาศาสตร์ว่า “ตดวัว”เป็นตัวปล่อยก๊าซรายสำคัญไง.

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ