หุ้นสหรัฐฯ บวกเพิ่มขึ้นแม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาล่าช้า ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง ดันราคาน้ำมันบวก ส่วนทองคำขยับลดลง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 4 พ.ย. 2563 ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 367.63 จุด หรือราว 1.34% ปิดที่ 27,847.66 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 74.28 จุด หรือราว 2.2% ปิดที่ 3,443.44 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 430.21 จุด หรือราว 3.85% ปิดที่ 11,590.78 จุด
วอลล์สตรีทเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันพุธ โดยแนสแด็กขยับขึ้นมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนเมษายน แม้ว่าผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาล่าช้า ซึ่งตามปกติมักจะเป็นสถานการณ์เลวร้ายสำหรับตลาด แต่ในครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตลาดคิดว่าการที่ผลลัพธ์ออกมาล่าช้าจะดีกว่า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า หากเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และรีพับลิกันครองวุฒิสภาตามเดิม จะทำให้รัฐบาลออกนโยบายที่ประนีประนอมมากขึ้นด้วย
ด้านราคาน้ำมันทะยานขึ้นในวันพุธ หลังจากข้อมูลชี้ว่า น้ำมันดิบในสต๊อกของสหรัฐฯ ลดลง 8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบรายวันของสหรัฐฯ ลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย จาก 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือ 10.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่าเป็นผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่เข้าสู่อ่าวเม็กซิโกเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยช่วยคลายความกังวลเรื่องการล็อกดาวน์ต้านโควิดในยุโรปได้บ้าง
...
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.9% ไปอยู่ที่ 38.76 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3% ไปอยู่ที่ 40.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาทองคำลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง หลังจากผลเลือกตั้งขั้นต้นชี้ว่า สภาสูงและสภาล่าง จะถูกแบ่งแยกโดยเดโมแครตกับรีพับลิกันอีกครั้ง ซึ่งอาจกระทบต่อความพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนโต โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 14.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 0.7% ปิดที่ 1,896.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์