คามาลา แฮร์ริส สตรีผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คู่ชิงรองประธานาธิบดีจากเดโมแครต คาดดึงฐานเสียงหญิงผิวสี

สิ่งที่ทำให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้มีความแปลกใหม่และน่าจับตามอง คงหนีไม่พ้นการที่นายโจ ไบเดน ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เลือกนางคามาลา แฮร์ริส สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เชื้อสายอินเดีย-จาเมกา วัย 56 ปี ให้เป็นคู่ท้าชิงตำแน่งรองประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 244 ปี ของสหรัฐอเมริกาที่มีหญิงผิวสีเชื้อสายอินเดียเข้าชิงตำแหน่งดังกล่าว แต่เธอไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่แต่อย่างใด เพราะมีดีกรีเป็นวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์รัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว และมีผลงานทางการเมืองมากมาย

คามาลา แฮร์ริส เกิดวันที่ 20 ตุลาคม 1964 ในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย แม่ของเธอเป็นนักวิจัยโรคมะเร็งจากอินเดีย ขณะที่พ่อของเธอ นายโดนัลด์ แฮร์ริส เป็นนักเศรษฐศาสตร์จากจาเมกา หลังจากที่ทั้งสองหย่าร้างกันขณะที่แฮร์ริสอายุได้ 7 ขวบ เธอได้ย้ายไปอาศัยที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดากับแม่

...

ชื่อ 'คามาลา' มีความหมายว่าดอกบัว ตามที่แม่ของเธอตั้งให้ นอกจากนี้ คำว่า คามาลา ยังเป็นอีกชื่อหนึ่งของเทพเจ้า Lakshmi ของชาวฮินดู สื่อความหมายว่าพลังของสตรี 

แฮร์ริส ได้โลดแล่นในการเมืองอเมริกันมายาวนาน เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Howard University และปริญญาด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

ในปี 2004 ขณะดำรงตำแหน่งอัยการประจำซานฟรานซิสโก แฮร์ริสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการผลักดันแคมเปญไม่ตัดสินโทษประหารต่อสมาชิกแก๊งความรุนแรงที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ถัดมาแฮร์ริสได้เข้ารับตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งแฮร์ริสถือเป็นหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์รัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว และถือเป็นวุฒิสมาชิกผิวสีคนที่สองของสหรัฐฯ แฮร์ริสผลักดันระบบสาธารณสุขที่รัฐเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และเสนอกฎที่เพิ่มการเข้าถึงสันทนาการกลางแจ้งในชุมชนเมือง รวมไปถึงงบประมาณช่วยแบ่งเบาภาระค่าที่พักอาศัยที่เพิ่มสูงขึ้น

การที่นายโจ ไบเดน เลือกนางแฮร์ริสเป็น ‘รันนิงเมท’ คู่หูชิงรองประธานาธิบดี เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดเดาเอาไว้ แฮร์ริสถูกมองว่าเป็นทายาททางการเมืองของนายไบเดน เพราะถ้าหากนายไบเดนชนะการเลือกตั้ง และขึ้นรับตำแหน่งได้ เขาจะมีอายุ 78 ปี ในวันเข้ารับตำแหน่ง และยังไม่มีความแน่นอนว่าเขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งสมัยที่สองหรือไม่ ทำให้เป็นไปได้ว่า เดโมแครตจะวางตัวให้นางแฮร์ริส ก้าวขึ้นมาแทนนายไบเดนในอนาคต

หลายฝ่ายมองว่าการที่นายไบเดน เลือกเธอมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีนั้นเปรียบเสมือนใบเบิกทางที่จะทำให้ชาวผิวสีในสหรัฐฯ เทคะแนนเสียงให้เขามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นเวทีของชาวผิวขาว นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ทั่วโลกลุกฮือขึ้นเรียกร้องความเท่าเทียมจากปรากฏการณ์ Black Lives Matter ในเมืองใหญ่ทั่วโลก.

ที่มา: Biography, Politico

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง