- อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโควิด-19 มากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกแล้ว โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันเฉียดแสนราย ถือเป็นวิกฤติการระบาดที่รุนแรงที่สุดอีกแห่งหนึ่งในโลก
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รัฐบาลอินเดียดำเนินมาตรการควบคุมโรคผิดพลาด ตั้งแต่การล็อกดาวน์ทั่วประเทศที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไปจนถึงระบบสาธารณสุขของอินเดียที่อ่อนแอมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาดแล้ว
- ฝ่ายรัฐบาลอินเดียชี้ว่า กระแสวิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรงมาจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลทำหน้าที่ได้ดีแล้ว มิเช่นนั้นสถานการณ์อาจยิ่งเลวร้ายกว่านี้
ทุกๆ วันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือนแล้วที่อินเดียจะมีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่สูงถึงหลายหมื่น โดยที่บางวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยใหม่สูงถึงเฉียด 100,000 ราย จนในตอนนี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
แม้ในมุมหนึ่ง อัตราการติดเชื้อเทียบกับประชากรอินเดียที่มีอยู่ราว 1,400 ล้านคนจะถือว่าสูงเมื่อเทียบเท่ากับประเทศอื่น แต่ความน่าเป็นห่วงในกรณีของอินเดียคือ ระบบสาธารณสุขของประเทศที่ย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และโรคโควิด-19 อาจกำลังเป็นตัวเร่งให้ระบบสาธารณสุขของอินเดียถึงภาวะล่มสลาย
โควิดอินเดียไม่เคยดีขึ้น ล็อกดาวน์สูญเปล่า
รัฐบาลอินเดียเริ่มบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนมีนาคม หลังเล็งเห็นว่าการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มทวีความรุนแรงไปทั่วโลก
ตลอดเวลา 2 เดือนของการปิดเมืองอย่างเข้มงวด ทำให้สภาวะเศรษฐกิจอินเดียเสียหายหนัก คนตกงานมหาศาล เพราะบริษัทต่างๆ ยุติกิจการ นอกจากนี้การปิดเมืองของอินเดียยังถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเป็นการปิดเมืองที่สูญเปล่า ไม่ช่วยให้การระบาดในประเทศลดลง
...
ปรีติ คูมาร์ รองประธานมูลนิธิสาธารณสุขอินเดีย (PHFI) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาระบบสาธารณสุขระดับชาติ ชี้ว่า การล็อกดาวน์คือมาตรการซื้อเวลาให้รัฐบาลมีโอกาสเตรียมตัวทั้งในด้านบุคลากรและทรัพยากรต่างๆ เช่น การเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์และห้องแล็บตรวจโรค เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะยาว รวมทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ภาครัฐต้องรณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึกให้ประชาชนป้องกันการติดโรค เช่น การรณรงค์ให้คนสวมหน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และรักษาระยะห่างอย่างเป็นนิสัย
แต่รัฐบาลอินเดียไม่ใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่ดำเนินมาตรการเหล่านี้ รวมทั้งลักษณะทางสังคมอินเดียเอง โดยเฉพาะในชนบทและแถบชานเมืองที่ขาดการรักษาระยะห่าง และไม่มีมาตรฐานสุขอนามัยที่เพียงพอต่อการป้องกันโรค
ผู้เชี่ยวชาญยังมองด้วยว่า การล็อกดาวน์ทั้งประเทศในคราวเดียวแบบอินเดียเป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะแต่ละรัฐในอินเดียมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ลักษณะทางสังคม ไปจนถึงความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นการปิดเมืองทั่วประเทศจึงไม่ได้ผล แถมยังซ้ำเติมให้เศรษฐกิจทรุดหนักไปทั้งระบบด้วย
การตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ และกลับมาเปิดเมืองเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกครั้ง จึงเป็นปัจจัยเร่งให้มีผู้ติดเชื้อในอินเดียเพิ่มสูงขึ้นหลายหมื่นรายต่อวันแบบในทุกวันนี้
อัตราการตายในอินเดียต่ำ แต่อาจต่ำไม่จริง
อัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในอินเดีย เมื่อคำนวณเป็นสัดส่วนต่อประชากรจะพบว่า อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 3,500 ศพ ต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าอัตราการตายเฉลี่ยกับประชากรทั่วโลกที่อยู่ที่ 3,745 ศพ ต่อประชากร 1 ล้านคน และยังเป็นอัตราการเสียชีวิตที่น้อยกว่าชาติร่วม 3 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ และบราซิล ที่มีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ต่อประชากร 1 ล้านคน อยู่ที่ 20,243 ศพ และ 20,343 ศพ ตามลำดับ
...
อัตราการตายที่น้อยกว่าชาติอื่น และสวนทางกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ได้หมายความว่าไวรัสโควิด-19 ในอินเดียรุนแรงน้อยกว่าที่อื่น หรือชาวอินเดียมีภูมิคุ้มกันสูงกว่า แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า นี่คือส่วนหนึ่งที่สะท้อนถึงความล้มเหลวของระบบสาธารณสุขในอินเดีย และแน่นอนว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่แท้จริงในอินเดียย่อมสูงกว่าตัวเลขจากทางการมาก
รามานันท์ ลักษมีนารายัน นักวิจัยอาวุโสประจำมหาวิทยาลัยพรินสตันระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวนมากไม่ถูกนำมานับ เพราะไม่ได้ผ่านการตรวจว่าป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19
นอกจากนี้ด้วยความที่อินเดียเป็นประเทศใหญ่ มีจำนวนประชากรมาก แต่ระบบการแจ้งเกิด แจ้งตาย มีความซับซ้อน โดยข้อมูลประชากรล่าสุดของอินเดียยังใช้ของปี 2561 ทั้งๆ ที่ควรจะมีข้อมูลแบบปีต่อปี ทำให้มีแนวโน้มว่า ข้อมูลจากทางการจึงเป็นเพียงตัวเลขส่วนหนึ่งที่ภาครัฐสามารถรวบรวมได้เท่านั้น
โควิดซ้ำเติมระบบสาธารณสุขอินเดีย
การระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่สั่นสะเทือนระบบสาธารณสุขของอินเดีย แต่เป็นปัจจัยเสริมที่ช่วยสะท้อนให้เห็นว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศที่ดูแลประชากร 1,400 ล้านคน กำลังวิกฤติหนักจนเข้าใกล้ภาวะล่มสลายแล้ว
...
ปัจจุบันอินเดียอยู่ในภาวะขาดแคลนแพทย์และพยาบาล โดยจากสถิติพบว่า มีพยาบาลในอินเดีย 1.7 คน ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถึง 43% ยังไม่รวมอาชีพแพทย์ที่ขาดแคลนในอินเดียด้วย
ก่อนโรคโควิด-19 ระบาดรุนแรง อินเดียก็ต้องต่อสู้กับการระบาดของวัณโรคที่มีรายงานพบผู้ป่วยวัณโรคในประเทศตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 2.7 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคในแต่ละปีถึงราว 421,000 ศพ และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า วัณโรคยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของอินเดีย โดยจะมีผู้ป่วยสูงขึ้นอีก 6.3 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคถึง 1.4 ล้านศพ
มาตรการปิดเมืองในช่วงต้นปีทำให้การแจกจ่ายวัคซีนวัณโรคแทบจะหยุดชะงักตามไปด้วย ขณะเดียวกันการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ จนทำให้เกิดวิกฤติผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลในช่วงโควิด-19 ซึ่ง ที. จาคอป จอห์น นักไวรัสวิทยาชื่อดังของอินเดียชี้ว่า การติดเชื้อโรคโควิด-19 เปรียบเสมือนเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินไปทุกๆ วินาที ซึ่งนอกจากรัฐบาลอินเดียจะไม่สามารถทำให้การติดเชื้อต่ำลงแล้ว โรคโควิด-19 ยังไปทำให้โรคติดเชื้ออื่นๆ ระบาดรุนแรงขึ้นด้วย
รัฐบาลอินเดียแก้ต่าง ชี้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการควบคุมโรคโควิด-19 แต่รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยังย้ำอยู่เสมอว่า เสียงวิจารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากเจตนาที่ต้องการโจมตีรัฐบาลเป็นหลัก
...
โฆษกพรรคบีเจพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโมดี ชี้ว่า ผู้ที่คอยตั้งคำถามถึงรัฐบาลอินเดียต่อการจัดการโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง พร้อมยืนยันถึงอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในอินเดียที่ต่ำกว่าชาติอื่นว่า เป็นเพราะอินเดียโชคดีที่เชื้อไวรัสที่ระบาดในอินเดียมีความรุนแรงต่ำ ส่วนข้อกล่าวหาว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลอินเดียบังคับนั้นใช้ไม่ได้ผล โฆษกพรรครัฐบาลอินเดียระบุว่า การล็อกดาวน์มีส่วนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันอยู่ที่ราว 90,000 ราย ซึ่งหากไม่มีการล็อกดาวน์ในช่วงแรก จำนวนผู้ป่วยรายใหม่อาจเพิ่มสูงกว่านี้เป็นวันละกว่า 1 แสนรายก็เป็นได้.
ผู้เขียน Marshal