พอรัสเซียประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แทนที่สหรัฐฯจะดีใจที่โลกจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 กลับกระฟัดกระเฟียดและโจมตีว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ

ทรัมป์ผู้นำสหรัฐฯไม่ได้บ้าเล่นๆนะครับ เมื่อ 26 สิงหาคม 2563 ทรัมป์สั่งให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำสถาบันวิจัย 60 แห่งทั่วโลก และในนั้นมีสถาบันวิจัยของรัสเซียอยู่ 3 แห่ง เป็นสถาบันที่กำลังวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19

การทำงานวิจัยทางการแพทย์ของรัสเซียปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพและสารพิษที่มีชื่อย่อว่า BTWC ผิดกับกิจกรรมในห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของสหรัฐฯซึ่งหลายครั้งไม่เป็นไปตามอนุสัญญาฯ

มีนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในห้องปฏิบัติการทางชีวภาพที่ฟอร์ตเดทริกของสหรัฐฯนำสปอร์เชื้อแอนแทรกซ์ใส่ซองจดหมายส่งไปโจมตีตามที่ต่างๆ แต่สหรัฐฯไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยยกเรื่องนี้มาพูด มีแต่ชี้นิ้วตำหนิชาวบ้าน ตำหนิยังไม่พอ เที่ยวสร้างข่าวเท็จข่าวลวง ปล่อยข่าวว่าวัคซีนสปุตนิก-วี ของรัสเซียไม่ผ่านการทดลองกับคน ซึ่งในความเป็นจริงทดลองกับอาสาสมัครหลายชุด

ความวุ่นวายในโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทุกวันนี้ ผมว่าเกิดจากความบ้าบอคอแตกของทรัมป์เยอะครับ ทรัมป์เป็นผู้นำที่โลเล เอาแต่ใจตัวเอง ข้อเสียที่สุดของทรัมป์คือความอิจฉาริษยา เห็นประเทศไหนดีไม่ได้ เป็นต้องใช้กฎหมายภายในของตนไปโจมตี

ในยุคสหภาพโซเวียตมีการพัฒนาอาวุธเคมีและชีวภาพเช่นเดียวกับมหาอำนาจอื่น แต่เมื่อโซเวียตล่มสลายหายไป ประเทศสืบสิทธิสหภาพโซเวียตคือรัสเซียก็หยุดพัฒนาอาวุธเคมีและชีวภาพตั้งแต่ พ.ศ.2535 หลังจากนั้นก็ค่อยๆทำลายคลังอาวุธ และประสบความสำเร็จในการทำลายคลังอาวุธเคมีและชีวภาพทั้งหมดใน พ.ศ.2560

...

สหรัฐฯเป็นสมาชิกเพียงชาติเดียวของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีที่ยังคงมีอาวุธเคมีในครอบครอง และเป็นประเทศเดียวที่ยังคงออกใบอนุญาตในการผลิตสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สงครามเคมีเต็มรูปแบบ สิ่งประดิษฐ์ที่ว่ายังรวมถึงกลุ่มสารพิษต่อระบบประสาท ประเทศที่น่าจะโดนขึ้นบัญชีดำมากที่สุดก็สหรัฐฯเอง ไม่ใช่ประเทศอื่น

ในวงการการต่อต้านข่าวกรองระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะซีกตะวันออกหรือตะวันตก พวกข่าวกรองจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ถูกปล่อยโดยสหรัฐฯเพื่อเป็นสงครามคู่กับสงครามการค้า ประสงค์ก็คือต้องการสกัดไม่ให้จีนก้าวขึ้นไปยืนเป็นเบอร์หนึ่งของโลก

รายงานของทางซีกตะวันตกและตะวันออก หลายฉบับอรรถาธิบายขยายความตรงกันถึงเรื่องสหรัฐฯส่งสายลับเป็นผู้แพร่เชื้อเข้าไปในรูปนักกีฬาที่ไปแข่งขันกีฬากระชับมิตรของเหล่าทหารนานาชาติที่จัดขึ้นที่อู่ฮั่นของจีน

ตอนที่มีการระบาดใหม่ๆ มีเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯลำหนึ่งปฏิบัติการอยู่ในย่านทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรแปซิฟิก โดยที่เรือลำนี้ยังไม่ได้ขึ้นท่าที่ไหนเลย แต่ทหารดันติดเชื้อโควิด-19 กันทั้งลำ มีการแพร่ข่าวว่าทหารบางส่วนเหล่านี้แอบเข้าไปปฏิบัติการในจีน

ผู้บัญชาการเรือบรรทุกเครื่องบินทนไม่ไหวที่รัฐบาลไม่ยอมให้มีการจอดเข้าท่าแล้วนำทหารป่วยไปรักษา จึงตะโกนก้องร้องบอกชาวโลก สุดท้ายก็โดนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯลงโทษผู้บัญชาการเรือขั้นรุนแรงโดยทันที เรื่องนี้ทำให้ทั่วโลกงุนงงสงสัย ว่าสหรัฐฯซ่อนอะไรอยู่ น่าจะขอบคุณผู้บัญชาการเรือท่านนี้เสียด้วยซ้ำไป ที่เป็นห่วงทหารของชาติ แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกลับลงโทษข้อหาเดียวกับการนำความลับของราชการมาเปิดเผย

จีนโดนโควิด-19 เล่นงานก่อน แต่มีมาตรการเข้มข้นในการแก้ปัญหาและการป้องกัน จึงทำให้วิกฤติคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว สไตล์เจ็บแต่จบ

ทันทีที่มีปัญหาโควิด-19 ทั้งสี จิ้นผิง และปูติน เร่งทุ่มทรัพยากรเพื่อค้นคว้าผลิตยาและวัคซีน จนวันนี้ รัสเซียประสบความสำเร็จ

ส่วนสหรัฐฯไม่อยากพูดถึง

กมฺมุนา วตฺตตี โลโก

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com