• ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปจะเป็นใคร? ล้วนส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งในและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับจีน
  • ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนยุคทรัมป์ย่ำแย่ เปิดศึกรอบด้าน ทำสงครามเทคโนโลยี อ้างเป็นภัยความมั่นคงของชาติ 
  • โจ ไบเดน มาแรง นักวิเคราะห์ชี้ หากชนะ อาจช่วยลดความโกลาหล และสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวทีโลก

ในฐานะชาติมหาอำนาจ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไปทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้นโยบายที่แข็งกร้าวกับมหาอำนาจกับจีน จนสร้างแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจไปทั่วเอเชีย

ทบทวนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน ยุคทรัมป์

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในยุครัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังตกต่ำลง โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศสงครามการค้ากับจีนอย่างดุเดือด ก่อนที่จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ซึ่งกำหนดให้จีนต้องซื้อสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มเป็นมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2021

...

สหรัฐฯ ยังเดินหน้าทำสงครามเทคโนโลยีกับจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลงเอยด้วยการแบน อย่างกรณีของ Huawei, TikTok และอีกหลายบริษัทที่อ้างว่าอยู่ในข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

นอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังเปิดศึกกับจีนรอบด้าน ตั้งแต่การกล่าวโทษจีนว่า ทำให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมไปถึงประเด็นการเมืองและสิทธิมนุษยชน โดยสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง และคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงหลายคน หลังจากจีนที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกง

“โจ ไบเดน” จะเปลี่ยนนโยบายกับจีนอย่างไร?

จากการสำรวจพบว่า นายโจ ไบเดน ชนะผลโพลสำรวจความนิยมหลายสำนัก หลังจากการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตทั้ง 4 วัน ปิดฉากลง โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากนักการเมืองคนสำคัญ และพลเมืองอเมริกันจำนวนมาก

พรรคเดโมแครต พยายามจะชูภาพให้เห็นว่า ถ้าเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมที่ไม่น่าชื่นชมเหล่านี้ของผู้นำคนเก่า ก็สามารถโหวตให้ไบเดนที่เป็นนักการเมืองที่เป็นคนที่สุภาพ ไม่โอ้อวด และเปี่ยมไปด้วยความเห็นใจผู้อื่น

...

โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าหาก นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นผลดีต่อตลาดเอเชีย และอาจลดความตึงเครียดที่มีกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน พร้อมอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศที่ดูแข็งกร้าวจากสมัยรัฐบาลทรัมป์ในช่วงเวลานี้ ให้ผ่อนคลายและเป็นมิตรต่อนานาชาติมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันนี้ นาย Nader Naeimi หัวหน้านักวิเคราะห์จาก AMP Capital Investors ระบุว่า ชัยชนะของ โจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยลดความโกลาหล และสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวทีโลก

มาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อว่า ใครจะได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ สมัยต่อไป จะยังเป็นทรัมป์หรือไม่ หรือจะเป็นไบเดนขึ้นมาแทนที่ รวมถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ-จีน ที่ตกต่ำลง จะกลับมาฟื้นคืนได้หรือไม่นั้น คงต้องจับตามองก้าวต่อไปในช่วงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของอเมริกา ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นี้.

ผู้เขียน : แมวสีส้ม

ที่มา : bloombergreuterscnn