ฮือฮา ถูกกล่าวขาน และ (กล่าวขวัญ) ตั้งแต่หนังสือแบบเป็นเล่มยังไม่วางขาย สำหรับ ‘Finding Freedom’ (หาเสรีภาพ) หนังสือเรื่องราวประวัติชีวิตเล่มใหม่ ของเมแกน และเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ชวนกัน ‘หนีออกจากกรงทอง’ โบยบินหาเสรีภาพ ไม่อยากเป็นแล้ว สมาชิกชั้นสูงราชวงศ์อังกฤษ!!
โดยก่อนจะถึงกำหนดเวลาที่หนังสือแบบเป็นเล่มจะแล้วเสร็จ และนำออกจำหน่ายในวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ได้มีการเรียก ‘น้ำย่อย’ ชักชวนให้ผู้คนอยากจะอ่านหนังสือกันมากขึ้น ด้วยการนำเนื้อหาสำคัญๆ มาลงในเว็บไซต์ Times และ Sunday Times ตั้งแต่ก่อนปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จนถูกวิจารณ์จากแหล่งข่าวใกล้ชิดสมาชิกราชวงศ์อังกฤษไม่น้อย ขณะที่ สื่อหัวสีแดนผู้ดี ก็ ‘จัดหนัก-จัดเต็ม’ กันไปแล้วชุดใหญ่
และนี่คือประเด็นสำคัญบางเรื่องในหนังสือ ‘Finding Freedom’ ที่ผลักดันให้เมแกน อดีตนักแสดงหญิงชาวอเมริกัน วัย 39 และเจ้าชายแฮร์รี่ พระชันษา 35 ปี ตัดสินใจขอถอนตัวจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงราชวงศ์อังกฤษ และมีผลบังคับเมื่อ 31 มีนาคม 2563
...
เสียใจ สมาชิกชั้นสูงบางพระองค์เคารพเมแกนน้อยมาก
เนื้อหาในหนังสือ ‘Finding Freedom’ ระบุว่า ประเด็นสำคัญที่ผลักดันให้เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ตัดสินใจถอนตัวจากราชวงศ์อังกฤษ เป็นเพราะ ทั้งสองรู้สึกว่า เมแกนได้รับการปฏิบัติจากสมาชิกราชวงศ์อังกฤษอย่างไม่ค่อยให้เกียรติ โดยนักเขียนอ้างว่า มีสมาชิกระดับสูงพระองค์หนึ่ง ตรัสถึงเมแกน ในฐานะแค่เพียง ‘โชว์เกิร์ลของเจ้าชายแฮร์รี่’ เท่านั้น ขณะที่สมาชิกราชวงศ์บางองค์ก็ตรัสค่อนขอดว่า ‘เธอ (เมแกน) มาพร้อมกับกระเป๋ามากมาย’
ข้าราชบริพารแสดงออกอย่างเปิดเผยไม่ชอบเมแกน
เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ยังไม่มีความสุขกับการปฏิบัติของข้าราชบริพารในสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งเรื่องนี้ ข้าราชบริพารอาวุโสคนหนึ่งเปิดใจว่า “มีแค่บางอย่างเกี่ยวกับเมแกนที่ตนไม่วางใจ’
ความตึงเครียดของ ‘สองพี่น้อง’
2 นักเขียนที่เรียบเรียงหนังสือ ‘Finding Freedom’ อ้างว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงไม่พอพระทัยกับคำแนะนำของ เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา ที่เตือนพระอนุชาตั้งแต่เริ่มคบหาเมแกนใหม่ๆ ว่า เจ้าชายแฮร์รี่ควรจะเรียนรู้ศึกษานิสัยใจคอของเมแกนมากกว่านี้ อีกทั้ง เจ้าชายวิลเลียม แค่ทรงต้องการความมั่นใจจากเจ้าชายแฮร์รี่ ว่า ไม่ได้หลงหญิงแบบ ‘หน้ามืดตามัว’ จนรีบร้อนเสกสมรสเร็วเกินไป
...
ความสัมพันธ์ 2 ครอบครัว ‘ย่ำแย่สุด’
หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ประกาศข่าวที่จะขอถอนตัวจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงราชวงศ์อังกฤษ ได้ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของเจ้าชายวิลเลียม กับเจ้าชายแฮร์รี่ ย่ำแย่ที่สุด
ผู้เขียนหนังสือ ระบุว่า ‘สองครอบครัวพี่น้อง’ ทั้งครอบครัวเจ้าชายวิลเลียม ดัชเชสแคเธอรีน พระชายา ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ กับครอบครัวเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน แทบไม่มีการพูดคุยกันเลยในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเสด็จร่วมในงานพระราชพิธีฉลองวันชาติเครือจักรภพอังกฤษ ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งถือเป็นงานหลวงสุดท้ายของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ก่อนจะพ้นจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงราชวงศ์นั้น ทั้งสองครอบครัวพี่น้อง แทบไม่มีการพูดคุยสนทนากันเลย ทั้งที่ไม่เจอกันมานานตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
...
รีบประกาศถอนตัวจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงราชวงศ์อังกฤษ
ผู้เขียน เผย พอเป็นที่รู้กันภายในวังอังกฤษบ้างแล้วว่า เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงของราชวงศ์อังกฤษ โดยพยายามที่จะปรึกษาและกราบบังคมทูลเรื่องนี้ให้สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 พระอัยยิกา ทรงรับทราบ ก่อนทั้งสองจะขอหลบไปอยู่แคนาดา 6 สัปดาห์ ช่วงปลายปี 2562
แต่ไม่นานต่อมา เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนได้ตัดสินใจครั้งสุดท้ายขณะอยู่ในแคนาดา และพยายามที่จะขอเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 อีกครั้ง แต่ไม่สามารถเข้าเฝ้าฯ ได้จนกว่าจะถึงปลายเดือนมกราคม 2563
และในที่สุด วันที่ 8 มกราคม เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ได้ประกาศทางเว็บไซต์ทางการของทั้งสอง แจ้งข่าวขอถอนตัวจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงราชวงศ์อังกฤษ โดยจะทรงทำงานหาเลี้ยงพระองค์เอง เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน และทรงตั้งใจจะแบ่งเวลาอยู่ในสหราชอาณาจักร และในอเมริกาเหนือ จนทำให้สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ระดับสูงอังกฤษเสียพระทัยอย่างยิ่ง
...
เมแกน ไม่พอใจ ‘โดนว่าชวนเจ้าชายหนีกรงทอง’
เนื้อหาในหนังสือ อ้างว่า บรรดาข้าราชบริพารในวังและสมาชิกราชวงศ์บางคนต่างพากันตำหนิเมแกน ว่าเป็นคนตัดสินใจ พาเจ้าชายแฮร์รี่ ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ โดยเมแกนได้ร่ำไห้ระบายความอัดอั้นตันใจให้เพื่อนสนิทฟังเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ‘ฉันได้เสียสละทั้งชีวิตเพื่อครอบครัวนี้ ฉันเต็มใจที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อสิ่งนั้น แต่ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ มันเป็นเรื่องเศร้ามากๆ’
ยันไม่เคยให้สัมภาษณ์กับ 2 นักเขียนหนังสือเล่มนี้
สำหรับหนังสือ Finding Freedom: Harry and Meghan and the Making of a Modern Royal Family เขียนโดยสองนักเขียน คือ โอมิด สโคบี และแคโรลีน ดูแรนด์ ซึ่งยืนยันเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้มาจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนแต่อย่างใด นอกจากนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ในหนังสือเล่มนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เดลี่เมล ตั้งข้อสังเกตว่า มีรายละเอียดบางเรื่องในหนังสือได้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ใครคือแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลเอ็กซ์คลูซีฟ เรื่องส่วนตัวของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนมากถึงขนาดนี้? อย่างเช่น การเปิดเผยถึงเรื่องราวก่อนเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนจะกลายมาเป็น ‘คนรักกัน’ รวมทั้งการออกเดตครั้งแรก, เมแกนเข้าวังเคนซิงตัน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับเจ้าชายแฮร์รี่ ครั้งแรก และเจ้าชายแฮร์รี่ได้ตรัสคำว่า ‘ผมรักคุณ’ กับเมแกน ทั้งที่เพิ่งคบหาศึกษานิสัยใจคอกันได้เพียง 3 เดือน และเมแกน ได้ตอบอย่างรวดเร็วว่า ‘ฉันก็รักคุณเช่นกัน’
สัมภาษณ์เพื่อนสนิท แหล่งข่าวใกล้ชิดกว่า 100 คน
โอมิด สโคบีและแคโรลีน ดูแรนด์ สองนักข่าว ‘สายวัง’ ในอังกฤษ บอกว่าได้ข้อมูลมาเขียนหนังสือประวัติเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน จากการสัมภาษณ์สอบถามแหล่งข่าวใกล้ชิดกว่า 100 คน ซึ่งเป็นทั้งพระสหายสนิทของเจ้าชายแฮร์รี่และเป็นเพื่อนที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับเมแกน รวมทั้ง ผู้ช่วยในวัง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ประจำสำนักราชวัง (ทั้งอดีตและปัจจุบัน) โดยข้อมูลทั้งหมดที่นำมาลงในหนังสือ จะต้องมีแหล่งข่าวอย่างน้อย 2 คนอ้างอิงและพูดตรงกันเท่านั้น
ขึ้นแท่นหนังสือขายดีสุด ในเว็บไซต์ Amazon UK
สองสัปดาห์ก่อนจะถึงกำหนดหนังสือวางแผง ปรากฏว่า หนังสือ Finding Freedom ได้รับความนิยม จนขึ้นแท่นหนังสือขายดีที่สุดของเว็บไซต์ Amazon ในสหราชอาณาจักรไปเรียบร้อย โดยบรรดาแฟนๆ ที่ชื่นชอบติดตามข่าวคราวราชวงศ์อังกฤษ ได้รีบแห่จอง ‘พรีออเดอร์’ หนังสือกันอย่างคึกคักตั้งแต่หนังสือยังพิมพ์ไม่เสร็จ ในขณะที่ Finding Freedom ก็ติดอันดับ 14 หนังสือขายดี ในชาร์จของ Amazon ในฝั่งสหรัฐอเมริกาเช่นกัน
เรียกว่า ‘ชื่อชั้น’ ความนิยมของเจ้าชายแฮร์รี่กับเมแกน ไม่ทำให้สองนักเขียนและผู้พิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกมาผิดหวัง ในขณะที่ เมแกนเองก็ได้เปิดใจบอกกับเพื่อนสนิท หลังได้อ่านต้นฉบับก่อนตีพิมพ์แล้วว่า เธอชอบหนังสือเล่มนี้มาก อยากให้หนังสือเสร็จออกขายไวๆ เพราะจะได้ช่วยลบภาพร้ายๆในสายตาของคนภายนอกที่ไม่รู้จักเธอดีพอ และคงต้องรอฟังกันต่อบรรดาผู้อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความเห็นกันว่าอย่างไร?
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : The Guardian, Dailymail, Insider