บริษัท ไมโครซอฟท์ ยืนยันกำลังเจรจาซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันจะแบนแอปพลิเคชันจีนเจ้านี้
ตามรายงานของสำนักข่าว บีบีซี บริษัท ไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของโลก ยืนยันกำลังเจรจาซื้อกิจการของแอปพลิเคชัน ‘TikTok’ (ติ๊กต๊อก) ในสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อกันว่าใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว แม้ว่าเจ้าของแอปฯ อย่างบริษัท ‘ไบต์แดนซ์’ (ByteDance) จะพยายามโอนอ่อนให้รัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนักเพื่อให้ได้รับการสนับสนุน รวมถึงสัญญาจ้างงานหลายพันตำแหน่งในระยะเวลา 3 ปี
TikTok แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอสั้น กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยคาดว่ามีผู้ใช้งานจริงถึง 500 ล้านคน และกว่า 80 ล้านคนอยู่ในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาวอายุในช่วง 20 ปี
แต่นักการเมืองสหรัฐฯ บางคนกังวลว่า ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นของจีน อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ เพราะแอปฯ ติ๊กต๊อก อาจถูกใช้เพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน ทางคณะตรวจสอบก็ยกระดับคำเตือนเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชันนี้ด้วย
...
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าวที่โดยสารไปกับเครื่องบิน แอร์ ฟอร์ซ วัน ว่า “ตราบเท่าที่ TikTok ยังเป็นสิ่งที่น่ากังวล เราจะแบนแอปพลิเคชันนี้จากสหรัฐอเมริกา” และต่อมาในวันเสาร์ โฆษกทำเนียบขาวออกมาระบุว่า รัฐบาลมีความกังวลด้านความมั่นคงของชาติอย่างจริงจังต่อแอปฯTikTok และพวกเขาจะประเมินนโยบายในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ การที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ จะทำให้พวกเขามีพื้นที่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากปล่อยให้บริษัทคู่แข่งครอบครองในส่วนนี้มาตลอด โดยมูลค่าของกิจการ ติ๊กต๊อก ในสหรัฐฯ อยู่ที่ระหว่าง 1.5 หมื่นล้าน ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผู้บริหารของ ไบต์แดนซ์ บางคนมองว่า สาเหตุที่นายทรัมป์เข้ามาแทรกแซงการซื้อขาย อาจเป็นเพราะต้องการให้ไมโครซอฟท์ได้ข้อตกลงที่ราคาถูกกว่านี้
อนึ่ง ความต้องการแบนแอปฯ TikTok ของโดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนพุ่งสูง หลังจากทั้งสองฝ่ายมีปัญหากันหลายเรื่องตลอดปีที่ผ่านมา ทั้งด้านการค้า, การรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 และข้อกล่าวหาเรื่องการจารกรรมข้อมูล ถึงขั้นต่างฝ่ายต่างปิดสถานกงสุลของอีกฝ่ายมาแล้ว.