นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการค้นหาแหล่งที่มาของหินยักษ์ที่นำมาเรียงรายภายในสโตนเฮนจ์ได้แล้ว แต่คำถามว่าใครเป็นคนสร้าง และสโตนเฮนจ์สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด ยังคงเป็นปริศนาที่ลี้ลับ..

  • ‘สโตนเฮนจ์’ คืออะไร?

สโตนเฮนจ์ คือหมู่หินขนาดมหึมาอายุกว่า 5 พันปี ที่วางเรียงรายเป็นระยะทางราว 3 กิโลเมตร กลางท้องทุ่งที่ราบซอลส์บรี ในเขตวิลท์เชอร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ โดยมีหินทั้งสิ้นจำนวน 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอน และบางอันถูกวางซ้อนกัน ซึ่งความลึกลับของหมู่หินสโตนเฮนจ์ ทำให้ที่นี่ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอังกฤษ จนมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลมาเยี่ยมชมกลุ่มหินประหลาดนี้กันทุกปี

  • กุญแจสำคัญที่นำไปสู่การค้นพบครั้งใหม่

เมื่อปี 2562 องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ เพิ่งจะได้ชิ้นส่วนที่หายไปชิ้นหนึ่งของสโตนเฮนจ์กลับมาไว้ครอบครอง หลังจากสูญหายไปเป็นเวลากว่า 60 ปี โดยชิ้นส่วนที่ว่านี้เป็นชิ้นส่วนหินที่ถูกเจาะออกไปเพื่อให้คนงานเสริมความแข็งแรงของโบราณสถานด้วยแท่งเหล็ก ในระหว่างการบูรณะโบราณสถานในปี 2501 โดยมีลักษณะเป็นแกนหินทรายทรงกระบอกความยาว 108 เซนติเมตร ซึ่งนายโรเบิร์ต ฟิลลิปส์ หนึ่งในคนงานที่ทำการบูรณะโบราณสถานเป็นคนเก็บเอาไว้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจคืนมันให้กับองค์การอนุรักษ์หลังจากวันเกิดอายุครบ 90 ปี ซึ่งชิ้นส่วนแกนกลางของหินทรายนี้เป็นกุญแจสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ได้นำไปทดสอบทางเคมี และนำไปสู่การค้นพบครั้งใหม่

...

  • ‘ไขปริศนาแหล่งที่มาหินยักษ์’ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบ!!

จากผลการศึกษาที่มีการตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances เมื่อวันพุธที่ 29 ก.ค.63 นำโดยศาสตราจารย์เดวิด แนช นักวิชาการด้านธรณีสัณฐานวิทยา ประจำมหาวิทยาลัยไบรท์ตัน ซึ่งเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ในโครงการศึกษาแหล่งที่มาหินที่สโตนเฮจน์ เปิดเผยว่า จากการทดสอบทางธรณีเคมีของนักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษเปรียบเทียบตัวอย่างหินทรายที่มีอยู่ทุกแห่งทางตอนใต้ของประเทศ พบว่าแท่งหินทรายขนาดใหญ่ 50 ก้อน จากจำนวน 52 ก้อนของหมู่หินบริเวณสโตนเฮนจ์ที่ยังเหลืออยู่ ตรงกับหินทรายที่อยู่ในป่าเวสต์วูดส์เพียงแหล่งเดียว 

โดยป่าแห่งนี้อยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งสโตนเฮนจ์ไปประมาณ 15 ไมล์ หรือ 25 กิโลเมตรเท่านั้น และเชื่อว่าหินทรายเดิมที่มีอยู่ถึง 80 ก้อน น่าจะถูกเคลื่อนย้ายมาที่สโตนเฮนจ์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยอาจจะใช้วิธีลาก หรือกลิ้งมาโดยใช้แรงงานคน หรือแรงงานสัตว์จำนวนมาก และแม้จะยังไม่แน่ชัดว่าเหตุผลใดผู้สร้างถึงได้เลือกหินจากป่าแห่งนี้ แต่อาจเป็นไปได้ว่า เป็นการเลือกจากขนาดที่พอเหมาะ รวมทั้งคุณภาพของหินในบริเวณดังกล่าว

  • การค้นพบก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้นักโบราณคดีได้ค้นพบแหล่งที่มาของ ‘หินบลูสโตน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในหิน 2 ชนิดในหมู่หินสโตนเฮนจ์ โดยค้นพบว่าแหล่งที่มาของหินบลูสโตน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า อยู่ที่เวลส์ ห่างจากสโตนเฮนจ์ถึงกว่า 240 กิโลเมตร แต่ในครั้งนั้นยังไม่ทราบแหล่งที่มาของหินอีกชนิดซึ่งเป็นหินทราย นอกจากนี้ยังค้นพบว่าหมู่หินของสโตนเฮนจ์เป็นการทยอยสร้างขึ้นในหลายช่วงเวลาด้วย

  • สโตนเฮนจ์สร้างขึ้นเพื่ออะไร?

หากย้อนไปในยุคทศวรรษที่ 1130 มีการเล่าขานกันของคนในยุคนั้นว่า แท่งหินเหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายมาด้วยมนตร์วิเศษของพ่อมด บ้างก็ว่าเป็นซากของวิหารโบราณ หรือเป็นที่ประกอบพิธีบูชาพระอาทิตย์ ขณะที่บางกลุ่มเชื่อว่าเป็นสถานที่ประกอบพิธีฝังศพ หรือเป็นสถานที่สำหรับรักษาผู้ป่วย เพราะพบกะโหลกมนุษย์ในบริเวณดังกล่าวมากผิดปกติ รวมทั้งยังมีแนวคิดว่านี่เป็นผลงานของมนุษย์ต่างดาว

ส่วนนักดาราศาสตร์เห็นว่าสโตนเฮนจ์ คือ เครื่องคำนวณเวลายุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะแนวของหินกลุ่มก้อนต่างๆ มีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ ซึ่งแม้แต่ละฝ่ายจะอ้างทฤษฎี และสถิติต่างๆ มาสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง แต่ก็ยังไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง และสโตนเฮนจ์มีไว้เพื่ออะไรกันแน่

...

  • ความลับที่ยังดำมืด


จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า สโตนเฮนจ์ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร เนื่องจากคนในยุคก่อนยังไม่มีเครื่องทุ่นแรงเหมือนปัจจุบัน การจะเคลื่อนย้ายหินขนาดมหึมาเหล่านี้มาวางเรียง และซ้อนกันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่มีการสร้างสโตนเฮนจ์ขึ้นมาก็ยังไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ได้แน่ชัด

แต่การค้นพบแหล่งที่มาของหินเหล่านี้นับเป็นคำตอบที่ยิ่งใหญ่ ที่จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญพอจะปะติดปะต่อได้ว่า ผู้สร้างใช้วิธีใดในการตัดแต่งรูปทรงของหิน รวมทั้งใช้เส้นทางใดในการขนย้ายหินเหล่านี้มา ซึ่งจะช่วยต่อยอดให้นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บข้อมูลเพื่อไขความลับสำคัญที่ยังเหลืออยู่ต่อไป.