หลังจากเมื่อ 24 ก.ค. รัฐบาลจีนสั่งให้สหรัฐฯปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ภายใน 72 ชม. หรือภายใน 27 ก.ค. โดยกล่าวหาว่าทีมงานสถานกงสุลบางคนแทรกแซงกิจการภายใน เป็นภัยต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของจีน ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส ภายใน 72 ชม. หรือภายใน 24 ก.ค. โดยกล่าวหาจีนขโมยข้อมูลลับของบริษัทสหรัฐฯ พยายามขโมยการวิจัยทางการแพทย์รวมถึงการวิจัยวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯเรียกร้องให้ประชาคมโลกเอาชนะรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็น “ทรราชย์ใหม่” ทำให้ความขัดแย้งทวีขึ้นถึงขีดสุดนั้น
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า เจ้าหน้าที่จีนได้เดินเข้าประตูหน้าและยึดสถานกงสุลสหรัฐฯที่เฉิงตูแล้วในเวลา 10.00 น. วันจันทร์ที่ 27 ก.ค. โดยชักธงชาติสหรัฐฯลง นำผืนผ้าสีเทาขนาดใหญ่ไปปิดสัญลักษณ์สถานกงสุลสหรัฐฯที่กำแพงด้านหน้า ขณะที่ชาวจีนหลายคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพสถานกงสุลที่ถูกปิด ชายคนหนึ่งถูกตำรวจควบคุมตัวไปหลังชูแผ่นป้ายและธงชาติจีนพร้อมตะโกนว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนจงเจริญ”
ด้านสถานทูตสหรัฐฯในกรุงปักกิ่ง โพสต์วิดีโออำลาบนโซเชียลมีเดีย “เว่ยป๋อ” หรือทวิตเตอร์ของจีนว่า “สถานกงสุลสหรัฐฯที่เฉิงตูได้ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างชาวอเมริกันและประชาชนจีนในเสฉวน ฉงชิ่ง กุ้ยโจว ยูนนาน และทิเบตอย่างภาคภูมิใจมาตั้งแต่ปี 2528 เราจะคิดถึงพวกคุณตลอดไป” ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯส่งอีเมลถึงสื่อ ระบุว่าสหรัฐฯผิดหวังที่จีนสั่งปิดสถานกงสุล สหรัฐฯที่เฉิงตู จะใช้ที่มั่นอื่นที่เหลืออยู่ติดต่อกับชาวจีนในภูมิภาคที่สำคัญนี้ต่อไป ทั้งนี้ สหรัฐฯมีสถานทูตในกรุงปักกิ่ง มีสถานกงสุล 5 แห่งในจีน และอีกแห่งในฮ่องกง โดยสถานกงสุลที่เฉิงตูมีทีมงานราว 200 คน รวมทั้งลูกจ้างชาวจีนราว 150 คน ซึ่งถูกอพยพออกไปหมดแล้ว
...
ส่วนหนังสือพิมพ์ “โกลบอล ไทมส์” สื่อ ชาตินิยม กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เตือนในบทบรรณาธิการเมื่อ 27 ก.ค.ว่า ถ้าสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ศตวรรษที่ 21 จะยิ่งมืดมิดและเสี่ยงต่อการแตกระเบิดยิ่งกว่ายุคสงครามเย็น
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะความขัดแย้งหลากหลาย ทั้งเรื่องสงครามการค้า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่สหรัฐฯหาว่าจีนเป็นตัวการ การแผ่ขยายอิทธิพลของจีนใน ทะเลจีนใต้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมอุยกูร์ในภูมิภาคซินเจียง และการที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง.