สื่อมวลชนกระบอกเสียงของจีน ทั้งหนังสือพิมพ์ไชนา เดลี และโกลบอล ไทม์ ลงตีพิมพ์บทบรรณาธิการกล่าวหากรณีรัฐบาลสหรัฐฯประกาศเมื่อวันพุธ 22 ก.ค. ให้เวลาจีน 72 ชั่วโมง ปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส ด้วยข้ออ้างต้องการปกป้องผลประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกันและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน คือความพยายามกล่าวโทษจีนเพื่อปกปิดความล้มเหลวของรัฐบาลสหรัฐฯและหวังผลคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือน พ.ย.นี้

การตัดสินใจดำเนินมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯกับจีนเลวร้ายลงอีกขั้น รัฐบาลสหรัฐฯยังกล่าวหาจีนจารกรรมข้อมูลของสหรัฐฯ อีกทั้งยังให้นายไมค์ ปอมเปโอ เคลื่อนไหวทั่วโลกเรียกร้องให้นานาประเทศต่อต้านจีน ขณะที่สถานทูตจีนในสหรัฐฯอ้างถึงการกระทำของสหรัฐฯคือเรื่องการเมืองและเรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าจีนต้องตอบโต้เรื่องนี้ด้วยมาตรการลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน แต่สื่อหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ ระบุรัฐบาลจีนจะสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเฉิงตู ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ หรือไม่ก็สั่งปิดถาวรสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สถานที่เริ่มแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯสั่งถอนเจ้าหน้าที่ออกไปทั้งหมดแล้ว ส่วนสถานกงสุลสหรัฐฯในฮ่องกงก็อยู่ในข่ายถูกสั่งปิดเพราะจีนมองว่าสถานกงสุลแห่งนี้คือศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวกรอง

ส่วนผลคะแนนนิยมระหว่างนายทรัมป์กับนายโจ ไบเดน คู่แข่งคนสำคัญชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในเดือน พ.ย.นี้ ล่าสุดนายไบเดนมีคะแนนนิยมนำเหนือนายทรัมป์เฉลี่ย 9.0 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางสถานการณ์โคโรนาไวรัส “โควิด-19” ระบาดรุนแรงในสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งประเทศอยู่ที่กว่า 4.1 ล้านราย ผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.46 แสนรายมากที่สุดของโลก อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ย่ำแย่ ผู้คนตกงานมากมายหลายสิบล้านคน

...

ทั้งนี้ ประเด็นความตึงเครียดบาดหมางระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างโจมตีกัน ได้แก่ เรื่องแหล่งระบาดของโควิด-19 เรื่องสงครามการค้าและกำแพงภาษีตั้งแต่ปี 2561 กรณีปัญหาพิพาทดินแดนทะเลจีนใต้ ปัญหาเรื่องฮ่องกง ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ในซินเจียง ปัญหาเรื่องสื่อมวลชนและนักศึกษาจีน ปัญหาสิทธิบัตรหัวเว่ยและปัญหาเกาหลีเหนือ.