วงการแพทย์ต้องจับตาด่วน หลังแพทย์ในสหรัฐฯ พบทารกแรกเกิดติดเชื้อโควิด-19 โดยตรวจพบเชื้อดังกล่าวอยู่ในสายรก

เมื่อ 14 ก.ค. 63 สำนักข่าว เดลี่เมล รายงานว่า ทารกแรกเกิดเพศหญิงในรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ซึ่งคลอดจากแม่ที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วย หลังจากที่เธอคลอดออกมาได้เพียง 24 ชั่วโมง โดยพบปัญหาในการหายใจ และมีไข้ ทำให้แพทย์ต้องเร่งนำตัวเข้ารักษาอาการในห้องไอซียู โดยทั้งแม่และเด็กต้องรักษาอาการอยู่นาน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะหายจากอาการป่วยและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ขณะที่ผลการตรวจเบื้องต้นยืนยันว่าพบเชื้อโควิด-19 ในสายรก ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดต่อจากแม่ไปสู่ทารกในครรภ์

การพบเด็กทารกแรกเกิดติดเชื้อโควิด-19 ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่ยังสร้างความงุนงงให้แก่แพทย์ เพราะแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการตั้งคำถามในประเด็นดังกล่าว รวมทั้งมีการเก็บข้อมูลจากเคสที่เคยพบ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จะสามารถแพร่จากแม่ตั้งครรภ์ที่ติดโควิด-19 ไปยังทารกในครรภ์ได้จริงหรือไม่ เคสนี้จึงถือเป็นเคสตัวอย่างที่อาจจะเป็นหลักฐานยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกในครรภ์สามารถติดเชื้อโควิด-19 จากแม่ ก่อนที่จะคลอดออกมา

...

สอดคล้องกับข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญของอิตาลีที่ได้พบหลักฐานสำคัญของการติดเชื้อไวรัสผ่านทางมดลูก โดยพบเชื้อไวรัสทั้งในเลือดที่ค้างในสายรก รวมทั้งในสายรก และน้ำนมแม่ หลังจากได้ศึกษาวิจัยกับหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 31 ราย โดยพบว่ามีทารก 2 รายที่คลอดออกมาในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ติดโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังคงเตือนไม่ให้แม่ที่ตั้งครรภ์ตื่นตระหนกเกินไป เพราะการพบเชื้อไวรัสในสายรกและในที่อื่นๆ ในครรภ์ อาจจะไม่สามารถทำให้ทารกติดเชื้อได้ โดยยังคงต้องรอผลการศึกษาวิจัยที่แน่ชัดก่อน.