ขั้วรัฐบาลรีพับลิกันของสหรัฐฯ ต่างพยายามลดกระแสโจมตีกันพัลวัน จากกรณีนายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งถูกบีบให้ลาออกฐานคัดค้านแผนการถอนทหารในต่างแดน เตรียมวางจำหน่ายหนังสือ “The Room Where it Happened” ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ โดยมีเนื้อหาแฉประธานาธิบดีทรัมป์ว่าพยายามขอความช่วยเหลือจากนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ช่วยทำให้เขาชนะเลือกตั้ง ด้วยการซื้อผลผลิตทางการเกษตร เพื่อนายทรัมป์จะได้ครองฐานเสียงเกษตรกร ไปจนถึงการเห็นด้วยเรื่องจีนสร้างค่ายกักกันในมณฑลซินเจียง หรือการสนับสนุนให้รุกรานเวเนซุเอลา พร้อมมองว่าภูมิภาคอเมริกาใต้เป็นของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงชี้แจงต่อประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯว่า นายโบลตันเผยแพร่คำหลอกลวง โกหก และพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เป็นเรื่องน่าเศร้าและอันตรายอย่างยิ่งที่บทบาททางสาธารณะครั้งสุดท้ายของนายโบลตันคือการทรยศต่อชาติ แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ของสหรัฐฯรายงานด้วยว่า นายปอมเปโอเคยเขียนบันทึกข้อความส่งให้นายโบลตัน ครั้งติดตามนายทรัมป์เข้าร่วมประชุมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่สิงคโปร์ ระบุว่านายทรัมป์เป็นคนเลอะเทอะขี้โม้
ขณะที่นายเควิน แมกคาร์ทธีย์ แกนนำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวโจมตีว่านายโบลตันพยายามสร้างกระแสเพื่อขายหนังสือ และเงินทำให้คนพูดอะไรก็ได้ ส่วนนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาฯ ให้ความเห็นว่า นายทรัมป์ไม่มีความเหมาะสมทางด้านจริยธรรม และมีสติปัญญาไม่เพียงพอที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าอยู่ระหว่างการหารือเรื่องการเรียกตัวนายโบลตันขึ้นให้การต่อสภา แต่ในช่วงกระบวนการถอดถอนนายทรัมป์ ทางนายโบลตันเคยปฏิเสธขึ้นให้การ และขู่ว่าจะดำเนินการฟ้องร้องหากถูกออกหมายเรียกตัว
...
วันเดียวกัน บริษัทเฟซบุ๊กได้ทำการลบเนื้อหาในเพจของทีมหาเสียงนายทรัมป์ ที่เขียนโจมตีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองแอนติฟา ต่อต้านฟาสซิสต์ในสหรัฐฯ พร้อมมีการใช้สัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงกลับหัว ซึ่งกลุ่มแอนติฟานำไปใช้เป็นสัญลักษณ์บ่อยครั้ง โดยเฟซบุ๊กชี้แจงว่าสาเหตุที่ต้องลบ เพราะสัญลักษณ์สามเหลี่ยมดังกล่าว เคยถูกพรรคนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นำไปใช้ตีตราคนว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนบริษัททวิตเตอร์ทำการตีตราข้อความทวีตของนายทรัมป์ว่า เป็นสื่อที่ถูกดัดแปลงเพื่อหวังผลลัพธ์ หลังเผยแพร่คลิปวิดีโอเก่าที่ผ่านการตัดต่อให้เป็นไปในแนวทางการหาเสียง.