จากน้ำผึ้งหยดเดียว พัฒนาเป็นเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นจลาจลในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯและยุโรป ที่จริงเรื่องการเหยียดสีผิวเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนออกมาประท้วงและเผาทำลายทรัพย์สิน หลายคนวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่แท้จริงมาจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางสังคมที่สะสมมายาวนาน ความเหลื่อมล้ำนี่แหละครับที่ทำให้เกิดความกดดันของผู้คนจนปะทุขึ้นมาเป็นความรุนแรง

อังกฤษเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งตอนนี้วุ่นวายขายปลาช่อน มีการประท้วงตามเมืองใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่การประท้วงเย้วๆ ธรรมดา ทว่ามีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มต่อต้านการเหยียดผิว

กลุ่มต่อต้านการเหยียดผิวกับตำรวจก็ทะเลาะกับแก๊งคนขาวขวาจัด ขัดแย้งจนมีการปะทะกันมากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะการซัดกันที่จัตุรัสทราฟัลการ์และสถานีรถไฟใต้ดินวอเตอร์ลู ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ใครจะนึกว่าอังกฤษจะมีวันนี้

มองเผินๆ ก็ประเมินว่าสังคมอังกฤษราบรื่น แต่ในความเป็นจริง สังคมอังกฤษเต็มไปด้วยความแขยงแขงขนในสีผิวเผ่าพันธุ์ คนผิวสีถูกคนผิวขาวดูหมิ่นถิ่นแคลน เมื่อเจอภาวะเศรษฐกิจที่เละจนไม่มีทางไป ก็บีบหัวใจผู้คนจนระเบิดออกมากลายเป็นการจลาจล

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษออกมาบอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือจีดีพีเดือนมีนาคมร่วงไปร้อยละ 5.8 และทิ้งดิ่งต่อเนื่องในเดือนเมษายน 2563 มากถึงร้อยละ 20.4 พูดง่ายๆคือจีดีพีติดลบ 20.4% หรือเศรษฐกิจถดถอยกว่า 1 ใน 5

อังกฤษใน พ.ศ.2563 มีจีดีพีที่ถดถอยมากที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกรายเดือน (เริ่มต้นบันทึกตั้งแต่ พ.ศ.2540) รายได้จากทั้งภาคการผลิต ภาคการบริการ และภาคการก่อสร้างของอังกฤษลดน้อยถอยลงไปอย่างมาก เป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจที่หนักกว่าช่วงวิกฤติการเงินโลกเมื่อ พ.ศ.2551-2552 ถึง 3 เท่าตัว

...

ใครทำอะไรไม่ดีก็โยนขี้ให้โควิด ที่เห็นถนัดชัดที่สุดคือรัฐบาลอังกฤษ ที่ตอนนี้โบ้ยขี้ให้การถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นความผิดของโควิด-19 คนในรัฐบาลดาหน้าออกมาพูดว่า เป็นเพราะโควิดทำให้อังกฤษต้องมีมาตรการเข้มงวด ต้องปิดบริษัทและโรงงานยาวนานถึง 2 เดือน รอง ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษบอกว่า อ้า เศรษฐกิจอังกฤษตกต่ำกว่าการถดถอยช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ครั้งหนักสุดเกือบ 10 เท่า

ธนาคารแห่งชาติยอมรับว่าเศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มจะแย่ที่สุดในรอบ 300 ปี เมื่อสามศตวรรษที่แล้ว เศรษฐกิจอังกฤษก็เลวร้ายอย่างนี้ เศรษฐกิจหดตัวอย่างแรงเพราะสงคราม+อากาศหนาวที่หนาวรุนแรงที่สุดในรอบ 500 ปี ซึ่งความหนาวในครั้งนั้นกินเวลานานถึง 4 เดือนธนาคารแห่งชาติอังกฤษแถลงคล้ายกับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติว่า ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 จะทำให้จีดีพีอังกฤษลดลงอย่างรุนแรงถึงเกือบร้อยละ 30 คนอังกฤษจะตกงานเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 9 หรือ 1.5 ล้านคน ร้านรวงที่เคยขายของได้ก็จะมียอดขายตกลงในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน หายไปมากกว่าครึ่งเพราะคนไม่มีกำลังซื้อ

แม้ว่าจีดีพีจะแย่ที่สุดนับตั้งแต่เก็บสถิติมา แต่ก็เป็นตัวเลขเศรษฐกิจเพียงช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 นักเศรษฐศาสตร์อังกฤษยืนยันว่า นี่ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด หายนะของแท้อยู่ที่ตัวเลขของเดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ

ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 อังกฤษเป็นประเทศแรกที่ปฏิวัติอุตสาหกรรม ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้อังกฤษเป็นเจ้าโลกทางเศรษฐกิจ สมัยก่อนตอนโน้น อังกฤษคือเบอร์ 1 อังกฤษคือเจ้าแห่งเทคโนโลยี ความสามารถในการใช้เครื่องจักรทันสมัยในโรงงานอุตสาหกรรมทำให้อังกฤษสะสมความมั่งคั่ง จนเป็นชาติที่รวยที่สุดในโลก

หลายคนสมน้ำหน้าและโพสต์ว่า ‘สะใจ’ ด้วยในอดีตอังกฤษเข้าไปทำร้ายผู้คนในแผ่นดินอื่นเกือบทั้งโลก เมื่อทำลายสังคมดั้งเดิมได้แล้ว อังกฤษก็ดูดความมั่งคั่งไปสะสมไว้ในแผ่นดินของตน โดยไม่สนใจความหายนะของมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น

แต่หลายคนให้กำลังใจ อยากให้อังกฤษกลับมาสู่สภาพดีดังเดิมเร็ววัน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com