มนุษย์เรานะครับ ในช่วงที่ยังมีอำนาจอยู่ผู้คนก็ยกย่องสรรเสริญ เมื่อหมดอำนาจหรือค่านิยมของผู้คนเปลี่ยนไป ก็อาจจะโดนแอนตี้ต่อต้าน ในยุคสหภาพโซเวียต ผู้คนยกย่องคาร์ล มากซ์ วลาดิมีร์ เลนิน ชื่อเมืองและถนนหนทางในโซเวียตเปลี่ยนตามเพื่อยกย่องคนเหล่านี้ อย่างนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็เปลี่ยนชื่อเป็นนครเลนินกราด อยู่ได้ 70 กว่าปี โซเวียตล่มสลาย ความนิยมในลัทธิคอมมิวนิสต์หมดไป นครนี้ก็เปลี่ยนชื่อกลับเป็นเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเหมือนเดิม รูปปั้นของเลนินและผู้นำคอมมิวนิสต์คนอื่นๆ ถูกกระชากลากลงมา ผู้คนเอาเท้าเหยียบหน้า บางคนถึงขนาดปัสสาวะรด ความชั่วที่เคยทำไว้ในสมัยก่อนถูกนำมาประจาน
พวกผิวขาวยกย่องคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (ค.ศ.1451-1506) ผู้ค้นพบหมู่เกาะเวสต์อินดิสเมื่อ ค.ศ.1492 พบทวีปอเมริกาใต้ ค.ศ.1498 และพบอเมริกากลาง ค.ศ.1502 ก่อนหน้านี้ได้รับการนิยมยกย่องอย่างสูง แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้วครับ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วเลว
ในเดือนมิถุนายน 2563 อนุสาวรีย์โคลัมบัสในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเสตต์ถูกตัดหัว รูปปั้นที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ก็ถูกทำลาย รูปปั้นของแกที่เมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ก็ถูกลากไปทิ้งที่ทะเลสาบ ท่านโคลัมบัสกลายเป็นไอ้โคลัมบัส ไอ้คนเหยียดผิว สมัยก่อนตอนเราเด็กๆ เคยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ว่าโคลัมบัสเป็นผู้ค้นพบโลกใหม่ วันนี้ผู้คนขยะแขยงแขงขนและกลับประณามว่า ไอ้นี่คือมนุษย์ที่นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในทวีปอเมริกา
สหรัฐฯยกย่องให้มีวันโคลัมบัสเดย์ 12 ตุลาคม เพื่อระลึกนึกถึงวันที่โคลัมบัสเดินทางมาถึงดินแดนที่เป็นสหรัฐฯเมื่อ ค.ศ. 1492 ก่อนหน้านี้ มีการเฉลิมฉลองและให้ถือเป็นวันหยุดทั่วประเทศ แต่ในปัจจุบันทุกวันนี้ไม่ใช่แล้วครับ หลายเมืองไม่เฉลิมฉลอง แถมคนรุ่นใหม่ยังต้องการให้เปลี่ยนวันนี้เป็น Indigenous People’s Day ที่หมายถึง ‘วันแห่งชนพื้นเมือง’ แทน เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่มีการชักนำให้คนผิวขาวเข้ามารุกราน ฆ่าฟัน และยึดครองแผ่นดินของชนพื้นเมือง
...
คนผิวขาวจำนวนไม่น้อยเคยภูมิใจว่าตนมีบรรพบุรุษที่เป็นนายพลของรัฐทางภาคใต้ในสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ เคยเขียนบทความยกหางบรรพบุรุษตัวเอง ทว่าพอถึงวันนี้ก็ต้องซุกหนังสือไว้ไม่เอาไปอวดใคร เพราะกลายเป็นตัวเองมีเลือดจากบรรพบุรุษที่ชั่วร้ายค้าขายทาส
แม้แต่ที่อังกฤษซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นพวกผิวขาวเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ ผู้คนยกย่อง เอ็ดเวิร์ด โคลส์ตัน สมาชิกของบริษัท รอยัล แอฟริกัน ซึ่งไปจับตัวคนแอฟริกันทั้งชาย หญิง และเด็กมากกว่า 8 หมื่นคนในทวีปแอฟริกามาขายเป็นทาสที่สหรัฐฯ ทว่าวันนี้ไม่ใช่แล้วครับ อังคารที่ผ่านมา ผู้คนช่วยกันโค่นอนุสาวรีย์ของแกที่เมืองบริสตอลแล้วลากเอาไปทิ้งน้ำ เทศบาลเมืองบริสตอลต้องไปกู้อนุสาวรีย์แล้วเอาไปซ่อนไว้ กลัวคนจะเข้าไปทำลายอีก
กัปตันจอห์น เฟน ชาร์ลส์ ฮามิลตัน ผู้บัญชาการทหารเรือชาวอังกฤษที่เคยนำทหารมาบุกรุก ฆ่าฟัน และยึดพื้นที่ของชนพื้นเมืองชาวเมารีในศตวรรษที่ 18 ได้รับการยกย่องจากพวกผิวขาวที่อยู่ในนิวซีแลนด์ ถึงขนาดมีการสร้างอนุสาวรีย์ทองเหลืองของแก และตั้งอยู่กลางเมืองฮามิลตัน ชื่อเมืองก็ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่กัปตันฮามิลตัน
ไม่กี่วันก่อน มีผู้คนจำนวนมากประท้วงให้สภาเมืองฮามิลตันเอารูปปั้นของไอ้นี่ออกไป สภาเมืองต้องเอารถเครนมายกรูปปั้นทองเหลืองกัปตันฮามิลตันออกไปจากฐานอนุสาวรีย์ บรรดาลูกหลานของกัปตันฮามิลตันที่เคยเดินเชิดหน้าชูตาในนิวซีแลนด์ ตอนนี้ก็ต้องเอาปี๊บคลุมหัว และปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองสืบเทือกเถาเหล่ากอมาจากกัปตันฮามิลตัน
กระแสนี้ทำให้คนที่เคยได้รับการเคารพยกย่อง วันหนึ่งเมื่อพฤติกรรมการรุกรานหรือความเป็นเผด็จการถูกรังเกียจ รูปปั้นที่เคยอยู่บนอนุสาวรีย์ก็จะถูกโค่น ลูกหลานก็อับอายขายขี้หน้า.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com