สภาฮ่องกงผ่านกฎหมายเพลงชาติจีนที่ถูกมองว่า เป็นสัญลักษณ์ที่จีนเข้าแทรกแซงฮ่องกง ในวันเดียวกับที่ชาวฮ่องกงออกมาร่วมรำลึกเหตุนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
เว็บไซต์ SCMP สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานวันที่ 4 มิ.ย.63 ว่า สภานิติบัญญัติฮ่องกงผ่านกฎหมายเพลงชาติจีน ที่มีเนื้อหาสำคัญคือการกำหนดให้การดูถูกเหยียดหยามเพลงชาติจีนเป็นความผิดตามกฎหมายฮ่องกง อาจถูกลงโทษปรับและอาจถูกจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี พร้อมๆ กับที่โรงเรียนในฮ่องกงจะต้องจัดการเรียนการสอนร้องเพลงชาติจีนด้วย ซึ่งนักกิจกรรมประชาธิปไตยฮ่องกงมองว่า กฎหมายเพลงชาติจีนเป็นเหมือนสัญลักษณ์สำคัญที่จีนเข้ามาแทรกแซงฮ่องกง
กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภามาได้ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 41 เสียง ต่อ 1 เสียง โดยบรรดาสมาชิกสภาฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยไม่ลงคะแนนเสียง และบางส่วนพยายามก่อความวุ่นวายไม่ให้การลงมติเกิดขึ้น
กฎหมายหมิ่นเพลงชาติจีนมีความพยายามผลักดันมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุมีผู้แสดงพฤติกรรมหมิ่นเพลงชาติจีนในงานระดับชาติ เช่น การแข่งขันฟุตบอลหลายครั้งในปี 2558 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประท้วงใหญ่ในฮ่องกงที่รู้จักกันในชื่อการปฏิวัติร่มเมื่อปี 2557
...
การผ่านกฎหมายเพลงชาติจีนวันนี้เป็นวันเดียวกับที่มีการจัดกิจกรรมรำลึกเหตุนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยจุดชุมนุมหลักอยู่ที่สวนสาธารณะวิกตอเรีย แม้ก่อนหน้านี้ตำรวจฮ่องกงจะประกาศห้ามการจัดการชุมนุมรำลึกเหตุดังกล่าว โดยให้เหตุผลถึงการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ผู้จัดกิจกรรมเชื่อว่า นี่เป็นเพียงข้ออ้างไม่ให้จัดกิจกรรมที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของรัฐบาลจีน ซึ่งระหว่างการจัดกิจกรรมผู้ชุมนุมได้รักษาระยะห่างป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมรำลึกเหตุนองเลือดจัตุรัสเทียนอันเหมินที่ย่านมงก๊ก จนผู้ชุมนุมถูกจับกุมไป 4 คน และยังมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามเดินขบวนไปยังสำนักประสานงานกิจการจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลจีนที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง
สำหรับเหตุนองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน มีจุดเริ่มต้นมาจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในประเทศจีน เมื่อปี 2532 โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่พร้อมรถถังและอาวุธครบมือเข้าสลายการชุมนุมในช่วงค่ำของวันที่ 3 มิถุนายน โดยรัฐบาลจีนไม่เคยเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่ชัด แต่ยืนยันว่าไม่มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่ข้อมูลจากเอกสารของรัฐบาลอังกฤษเชื่อว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 10,000 คน