นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ไปทั่วโลก องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศต่างๆ ได้ออกมาเตือนมาตลอดด้วยความวิตกกังวลว่าหากมีค่ายผู้อพยพแห่งใดติดเชื้อไวรัสมรณะโควิดแล้วละก็ จะเกิดหายนะตามมาแน่!!

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 4.7 ล้านราย เสียชีวิตกว่า3.15 แสนศพ และแล้วก็มีข่าวร้ายจากค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา ริมชายแดนบังกลาเทศว่าในที่สุด ได้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 2 รายแรกในค่ายแห่งนี้ ซึ่งมีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาอยู่กันอย่างแออัดเกือบล้านคน เมื่อวันพฤหัสฯที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

  • พบผู้ลี้ภัยโรฮีนจาติดโควิดรายแรก

เว็บไซต์ DW รายงานว่า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงบังกลาเทศและโฆษกสหประชาชาติ ระบุ พบผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาติดเชื้อรายแรก หลังจากมีอาการป่วย จึงได้ไปที่ศูนย์พยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจากอาการโรคทำให้แพทย์ได้ตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้น อาจติดเชื้อโควิด-19 ก่อนต่อมา ผลการตรวจวินิจฉัยจากห้องแล็บยืนยันว่าติดเชื้อโควิด

...

ขณะนี้ ผู้ป่วยโควิดชาวโรฮีนจารายนี้ได้ถูกแยกตัวรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ไร้พรมแดน ในขณะที่สมาชิกในครอบครัว 6 คนของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาติดเชื้อโควิด-19 รายนี้ได้ถูกกักตัวเพื่อติดตามอาการว่าจะติดเชื้อหรือไม่ 

ค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา ชายแดนบังกลาเทศ
ค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา ชายแดนบังกลาเทศ
  • เตรียมรับมือโควิดระบาดในค่ายลี้ภัย

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์กรช่วยเหลือการกุศลระหว่างประเทศต่างๆ อาทิ International Rescue Committee (IRC) และ Care Germany ได้เตรียมตัวรับมือการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างดีที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยได้มีการฝึกอบรมทางการแพทย์และตั้งศูนย์กักกันโรค

ตามรายงานของ IRC เผยว่าที่แคมป์แห่งนี้ ได้เตรียมศูนย์รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ขนาด 1,700 เตียง และตอนนี้ดำเนินการเสร็จแล้วหลายร้อยเตียง รวมทั้งยังตั้งแผนกฉุกเฉินสำหรับรักษาผู้ป่วยขั้นวิกฤติ โดยมีเครื่องช่วยหายใจ 10 เครื่อง

  • มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด

ทางการบังกลาเทศ และองค์กรการกุศลระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการตั้งด่านปิดล้อมค่ายคูตูปาลอง ซึ่งเป็นค่ายที่อยู่ของชาวโรฮีนจาที่หนีภัยความรุนแรงทางเชื้อชาติและศาสนามาจากเมียนมา นับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา เพื่อพยายามหาทางป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ค่ายอพยพชาวโรฮีนจาแห่งนี้ ที่อยู่กันอย่างแออัด โดยจะอนุญาตให้ประชาชนเข้า-ออกจากค่ายอพยพเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ขณะที่ตำรวจบังกลาเทศได้ตั้งด่านตรวจและลาดตระเวนอย่างเข้มงวดเพื่อตรวจตราการเคลื่อนย้ายของผู้คนเข้าออกค่ายลี้ภัยซึ่ง มีชาวโรฮีนจา ที่หนีภัยความรุนแรงทางเชื้อชาติและศาสนามาจากเมียนมา และผู้คนที่ขอลี้ภัยรวมแล้วกว่า 855,000 คน รวมทั้งยังมีชาวบ้านในพื้นที่อาศัยใกล้เคียงกว่า 440,000 คน

เพราะด้านนอกค่ายลี้ภัยโรฮีนจา ได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดแล้วเรียบร้อย ในขณะที่รัฐบาลบังกลาเทศ ระบุการระบาดของเชื้ออยู่ภายใต้การควบคุม ขณะที่ยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในบังกลาเทศอยู่ที่  20,995 ราย และเสียชีวิต 314 ศพ

...

  • ไม่มีทางทำได้ เว้นระยะห่างทางสังคมในค่ายลี้ภัย

มานิช อัคราวัล ผู้อำนวยการ IRC ประจำบังกลาเทศ เปิดเผยกับนักข่าว DW ว่า ถึงสถานการณ์ในค่ายลี้ภัยโรฮีนจาแห่งนี้ว่า ศูนย์พยาบาลในค่ายขณะนี้เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยที่ป่วยจนล้น ซ้ำยังไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอ รวมทั้งก็ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์และพื้นที่ทางกายภาพที่จำเป็นเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19

เพราะตั้งแต่ก่อนพบผู้ลี้ภัยติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในค่ายลี้ภัย ระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำ ห้องสุขาในค่ายก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ลี้ภัยอยู่แล้ว  โดยสมาชิกในครอบครัวผู้ลี้ภัยโรฮีนจาจำนวนมากต้องใช้ห้องสุขาร่วมกันและต้องต่อแถวกันยาวเพื่อรอรับน้ำดื่ม และห้องน้ำ จึงไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ในการรักษาการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ social distancing ในค่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

นอกจากนั้น ผู้ลี้ภัยโรฮีนจาในค่ายอยู่กันอย่างแออัดถึง 40,000-70,000 คนใน 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงกว่าบนเรือสำราญไดมอนด์ พรินซ์เซส ถึงอย่างน้อย 1.6 เท่า ซึ่งการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บนเรือสำราญลำนี้ เชื้อไวรัสมรณะได้มีการระบาดอย่างรวดเร็วกว่าในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการระบาดในจีนถึง 4 เท่า.

...