องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้ยาต้านไวรัส เรมเดซิเวียร์ แก่ผู้ป่วยหนักโรคโควิดได้แล้วเป็นชนิดแรก ท่ามกลางเสียงเตือน หลังผลการทดลองทางคลินิกออกมาช่วยลดระยะเวลารักษาให้สั้นลง
เมื่อ 3 พฤษภาคม 63 สำนักข่าวบีบีซีรายงานองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อาศัยอำนาจตามมาตรการฉุกเฉิน อนุมัติการใช้ยาเรมเดซิเวียร์ ให้แก่ผู้ป่วยหนักด้วยโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 จนถือเป็นยาชนิดแรกที่ได้รับการอนุมัติจากทางการสหรัฐฯ ในการนำมาใช้กับผู้ป่วยด้วยโรคโควิดที่มีอาการหนัก
คำสั่งดังกล่าวของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หมายถึง ยาต้านไวรัสเรมเดซิเวียร์นี้ สามารถถูกนำมาใช้กับผู้ป่วยหนักด้วยโรคไวรัสโควิดที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลในสหรัฐฯ หลังจากผลการทดลองทางคลินิกเมื่อเร็วๆ นี้ออกมาว่า ยาเรมเดซิเวียร์ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยหนักด้วยโรคโควิดให้สั้นลง ถึงแม้ว่ายาเรมเดซิเวียร์ยังไม่ทำให้อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม
...
สำนักข่าวซินหัวรายงานด้วยว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ อธิบายว่ายาเรมเดซิเวียร์เป็นยาที่ใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดดำของผู้ป่วยวันละ 1 ครั้ง นานสุงสุด 10 วันซึ่งขึ้นอยู่กับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ซึ่งยานี้อาจช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสโคโรนาในร่างกายและช่วยให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยา อาจมีอาการอันไม่พึงประสงค์ที่สัมพันธ์กับการหยดยาทางหลอดเลือดดำ และลดการเพิ่มระดับของเอนไซม์ในตับ
ทั้งนี้ บีบีซีรายงาน ขณะที่ผลการทดลองทางคลินิกของยาเรมเดซิเวียร์อย่างสมบูรณ์ยังไม่มีการเผยแพร่ออกมา แต่สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (NIAID) พบว่าการใช้ยาเรมเดซิเวียร์ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยให้สั้นลงจาก 15 วัน เหลือ 11 วัน
โดยจากการทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วย 1,063 รายตามโรงพยาบาลต่างๆทั่วโลก รวมทั้งในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส อิตาลี สหราชอาณาจักร จีนและเกาหลีใต้ ซึ่งได้แบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม ซึ่งกลุ่มหนึ่งได้รับยาเรมเดซิเวียร์ ส่วนผู้ป่วยอีกกลุ่มได้รับยาหลอก โดยผลการทดลองทางคลินิกที่ออกมาทำให้ ดร.แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการ NIAID ชี้ว่ายาเรมเดซิเวียร์ สามารถลดเวลาการรักษาและทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า ยาเรมเดซิเวียร์ ซึ่งเบื้องต้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรักษาโรคไวรัสอีโบลาและผลิตโดยบริษัท Gilead ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ควรถูกมองว่าเป็น ‘กระสุนมหัศจรรย์’สำหรับการรักษาโรคไวรัสโควิด ขณะที่บริษัท Gilead เองก็ได้แจ้งบนเว็บไซต์ว่า ยาเรมเดซิเวียร์อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก ซึ่งยังไม่มีความปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพในการนำไปใช้กับผู้ป่วยในทุกๆ สภาพการณ์ พร้อมเตือนว่าการใช้ยานี้อาจมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรงจากการใช้ยา