ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวรอยเตอร์ในทำเนียบขาวเมื่อ 29 เม.ย. ว่า ตนเชื่อว่าการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ล่าช้าของจีน เป็นข้อพิสูจน์ว่าจีนจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ตนแพ้นายโจ ไบเดน ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตคู่แข่ง ในการเลือกตั้ง 3 พ.ย.นี้ เพื่อลดแรงกดดันที่ตนทำไว้กับจีนในเรื่องสงครามการค้าและอื่นๆ เขายังเผยว่าข้อตกลงการค้าที่ตนทำไว้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน เสียหายรุนแรงเพราะผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

เมื่อถูกถามว่ามีแผนจะใช้กำแพงภาษีหรือการล้างหนี้เพื่อตอบโต้จีนหรือไม่ ทรัมป์ไม่ตอบตรงๆแต่ระบุว่ามีทางเลือกหลายอย่างที่ตนทำได้ อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลจีนแถลงตอบโต้ว่าจีนไม่สนใจแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องภายใน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระดับสูงที่ไม่ระบุชื่อเผยว่า ในการคุยทางโทรศัพท์เมื่อปลายเดือน มี.ค. ทรัมป์และสี จิ้นผิงตกลงพักการทำสงครามน้ำลายอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อร่วมมือกันต่อสู้โควิด-19 แต่ดูเหมือนขณะนี้ข้อตกลงนั้นจบลงแล้ว โดยระยะหลังๆทรัมป์และคนสนิทมักโจมตีจีนว่าปกปิดข้อมูลและแจ้งเตือนเรื่องโควิด-19 ช้าเกินไปจนระบาดใหญ่ไปทั่วโลก รวมทั้งในสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก

ทรัมป์ยังไม่เชื่อผลโพลต่างๆที่ชี้ว่าไบเดนมีคะแนนนำตนเอง แต่เชื่อว่าชาวอเมริกันฉลาดพอที่จะไม่เลือกไบเดนซึ่งไร้ประสิทธิภาพใน 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งในฐานะวุฒิสมาชิกและรองประธานาธิบดีสมัยบารัค โอบามา เป็นผู้นำ หลังโพลของรอยเตอร์/ อิปซอส ระบุว่า ชาวอเมริกันสนับสนุนไบเดนมากกว่าทรัมป์ในอัตรา 44% ต่อ 40% และโพลใน 3 รัฐสำคัญคือมิชิแกน วิสคอนซิน และเพนซิลเวเนีย ซึ่งอาจเป็นรัฐชี้ขาดการเลือกตั้ง คะแนนนิยมของไบเดนยิ่งทิ้งห่างทรัมป์ถึง 45% ต่อ 39%

...

ทรัมป์ยังเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การลงประชามติในเรื่องการรับมือโควิด-19 แต่เป็นการลงประชามติในเรื่องอื่นๆมากมาย ซึ่งตนมีผลงานดีเยี่ยม หลังโพลของรอยเตอร์/อิปซอส ช่วงวันที่ 27-28 เม.ย.ระบุว่า มีชาวอเมริกันเพียง 43% ที่สนับสนุนมาตรการต่อสู้โควิด-19 ของทรัมป์ ขณะที่ไบเดนและฝ่ายพรรคเดโมแครตโจมตีว่ารัฐบาล

ทรัมป์รับมือกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าช้าไร้ประสิทธิภาพจนควบคุมไม่ได้ และทำให้เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง คนตกงานพุ่งสูงกว่า 26.5 ล้านคน อนึ่ง ไบเดนเผยด้วยว่าถ้าตนชนะเลือกตั้งจะยังคงสถานทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลไว้ในนครเยรูซาเล็ม แม้ไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์ย้ายสถานทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปที่เยรูซาเล็มในปี 2560.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง