นายแพทย์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เผยทีมนักวิจัยพบเชื้อโควิด มีการกลายพันธุ์เร็วมาก เป็น 3 สายพันธุ์แล้ว ขณะระบาดใหญ่ทั่วโลก เชื่อต้องการเอาชนะระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์ในพื้นที่ต่างกัน
เมื่อ 10 เมษายน เว็บไซต์เดอะซัน สื่อในอังกฤษรายงาน นักวิจัยในอังกฤษ ที่พยายามศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 นับตั้งแต่เริ่มมีการพบผู้ติดเชื้อและระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อปลายเดือนธันวาคม 62 พบว่า ขณะนี้ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้มีการกลายพันธ์ุ เป็น 3 สายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกันแล้ว ซึ่งถือเป็นการกลายพันธุ์ที่เร็วมาก ขณะเชื้อโควิดกำลังระบาดใหญ่ทั่วโลก
การกลายพันธุ์ของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ได้มีการกลายพันธุ์ เป็นชนิด A และ ชนิด B ซึ่งถือเป็นพี่น้องกัน และขณะนี้เชื้อได้มีการกลายพันธุ์มาสู่รุ่นลูก คือ ชนิด C โดยเชื้อโควิด-19 ชนิด A มีลักษณะสายพันธุ์ที่มีความใกล้ชิดกับเชื้อไวรัสโคโรนา ที่พบในค้างคาวและตัวนิ่มอย่างมาก จนมีการพิจารณากันว่า สัตว์ทั้งสองชนิดคือต้นตอของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่
...
จากการวิเคราะห์จีโนม ของเชื้อไวรัสครั้งแรก 160 ชนิดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งนำมาจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ นักวิทยาศาสตร์พบว่า เชื้อโควิดที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับค้างคาวพบในผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ไม่ใช่ในเมืองอู่ฮั่น
นายแพทย์ปีเตอร์ ฟอสเตอร์ นักพันธุกรรมศาสตร์และหัวหน้าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในอังกฤษ กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนยากต่อการติดตามแผนภูมิครอบครัวของเชื้อ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่า เชื้อไวรัสโคโรนา ที่เรียกว่า Sars-CoV- 2 มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังเอาชนะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของมนุษย์ในพื้นที่ที่ประชากรแตกต่างกัน โดยจากการใช้ข้อมูลตัวอย่างที่นำมาจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั่วโลกในครั้งนี้ มีการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2562 จนถึง 4 มีนาคม 2563